รีวิว The Princess
รีวิว The Princess เรื่องย่อ
ย้อนกลับไป ในสมัยยุคกลาง ตามธรรมเนียม ของอาณาจักร ที่ยิ่งใหญ่ต่าง ก็ต้องการสืบทอดเชื้อสายราชวงศ์ ด้วยการจับคู่อภิเษกสมรสระหว่างทายาทสองตระกูลอันทรงเกียรติ เพื่อสืบทอดอำนาจของราชวงศ์ให้คนรุ่นหลังสืบไป และ รวมอำนาจของอาณาจักร ให้เป็นปึกแผ่น แต่การแต่งงานครั้งนี้ ก็อาจไม่ได้จบง่าย ๆ อย่างที่คิด เมื่อเจ้าหญิง ผู้ดื้อดึงกลับปฏิเสธ ไม่ยอมที่จะตกอยู่ภายใต้ ขนบธรรมเนียมโบราณ และ ต้องการอิสระในชีวิตตัวเอง อีกทั้งคู่หมั้นหมาย ของเจ้าหญิงนั้นก็มีเจตนาชั่วร้าย ที่มุ่งหมายจะแย่งชิงบัลลังก์ จากพระบิดาผู้เป็นกษัตริย์ ปกครองอาณาจักร จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหญิง ที่จะต้องลุกขึ้นสู้ เพื่อปกป้องอาณาจักรให้พ้นภัยจากอำนาจของคนชั่วดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
The Princess เป็นเรื่องราว ขององค์หญิง อาณาจักรแห่งหนึ่ง ที่ได้ตื่นฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองถูกมัด และ กักขังตัวเอาไว้บนหอคอยสูง บนปราสาทของตัวเอง นางค่อย ๆ รวบรวมสติ และ นึกย้อนว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้าที่ ก่อนจะเผชิญหน้ากับเหล่าร้ายเป็นชายฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่ที่ถาโถม ต่อกรกับนางแบบ ไม่หยุดหย่อน คนพวกนี้คือทรราช ที่หมายจะเข้ามาบุกยึด อำนาจ และ บัลลังก์ของเสด็จพ่อ ขององค์หญิง ดังนั้น นางจะเป็นเพียงความหวังเดียว ที่จะกอบกู้แผ่นดินนี้ ด้วยพละกำลัง และ ลีลาการต่อสู้ที่ใคร ๆ ก็ประเมินเอาไว้ต่ำเกินไป รีวิวหนังใหม่ชนโรง
บอกเลย ว่าหนังเรื่องนี้ น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปฏิวัติวงการ เจ้าหญิงดิสนีย์ งดงามต่าง ๆ อย่างแน่นอน เพราะแทนที่เรา จะได้สัมผัสกับความชดช้อย ขององค์หญิงในรูปแบบขับขาน ร้องเพลง และ สนทนากับสรรพสัตว์ มันถูกแทนที่ด้วยฉากบู๊ระห่ำ และ ซีนการต่อสู้แบบดุเดือด นับตั้งแต่นาทีแรก ของหนังที่เริ่มเปิดฉากขึ้นอย่าง ไม่รีรออะไรทั้งนั้น นี่คือการกำกับหนังฮอลลิวูด ของผู้กำกับหนุ่มชาวเวียดนาม ” เล-แวนเกียต ” ที่อาจจะเคยมีประสบการณ์ทำหนังฝรั่งมาบ้าง แต่ก็เป็นแค่หนังทุนต่ำและหนังเกรดบีเป็นส่วนใหญ่
และ เมื่อเขาได้มาจับชิ้นงานหนังระดับสตูดิโอแล้ว ก็คงต้องบอกว่า…ก็เป็นไปตามน้ำ งานชิ้นนี้แทบจะไม่มีอะไร หวือหวาใด ๆ นอกจากซีนแอคชั่น และ การออกแบบฉาก สตันท์ต่าง ๆ จะว่าเป็นหนังขยะก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะจะว่าไปแล้ว The Princess ก็สามารถมอบความบันเทิงและความสนุกให้กับผู้ชมได้ดีเรื่อย ๆ ตลอดหนังทั้งเรื่องนี้ เพียงแต่องค์ประกอบโดยรวมของหนังนั้น ค่อนข้างจะเหือดแห้งและก๊องแก๊งไปสักหน่อย
The Princess มาพร้อมกับบทหนังที่แทบจะไม่มีอะไรเลย โครงเรื่องหยิบมาเล่ามีแค่เพียงเศษปลายนิ้วเท่านั้น แต่ก็สามารถหยิบนำเอามาขยาย และ เล่าเรื่องราวเป็นตุเป็นตะได้กว่า 90 นาที เต็มไปด้วยน้ำล้วน ๆ แทบจะหาเนื้อไม่เจอ คือให้อารมณ์เหมาะกับ การเป็นหนังจอเล็ก ประเภทหนังแผ่นหรือหนังออนไลน์เป็นอย่างดี เพราะแน่นอนว่าดูจากคุณภาพโดยรวมแล้วนั้น หนังไม่เหมาะที่จะเอาไปขึ้นจอใหญ่ให้ขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าทางเราจะเกริ่นวิจารณ์ได้แสบสันต์ขนาดนั้น แต่มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกเกลียดหนังเรื่องนี้ เพราะ The Princess มีองค์ประกอบเรื่องการออกแบบฉากสตันท์และใส่ซีนบู๊ต่อสู้เข้ามาได้อย่างดุเดือดเผ็ดร้อน คือหนังสามารถลากยาวซีนบู๊ได้เกือบจะครึ่งเรื่องโดยที่ไม่มีเนื้อหาใด ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง แม้ว่ามันจะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นแอคชั่นแฟนตาซี มีความเวอวังและไม่สมเหตุสมผลอยู่ก็ตาม แต่มันกลับให้ความบันเทิงได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่า “โจอี้ คิง” ก็คือนางแบกของหนังเรื่องนี้โดยแท้ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเธอคนนี้ The Princess จะออกมาเละเทะแค่ไหน เธอเข้ามาสวมวิญญาณเป็นเจ้าหญิงขาบู๊ได้จี๊ดจ๊าดจริง ๆ ถึงรูปร่างจะบอบบาง ตัวเล็กนิดเดียว แต่การใส่บทของเธอให้ดูสตรองกว่าที่ภาพลักษณ์ควรจะเป็น เป็นเซอร์ไพรส์ที่ดี และการเล่นฉากบู๊ของโจอี้ก็แสดงออกมาได้น่าประทับใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน และอีกมุมมองการแสดงที่เรายังไม่ค่อยได้เห็นเธอในด้านนี้มาก่อนเท่าไหร่ด้วย
ขณะที่องค์ประกอบอื่น ๆ ก็นึกไม่ออกอีกแล้ว เพราะถ้าขาด โจอี้ คิง กับฉากบู๊เริ่ด ๆ ไป หนังก็น่าจะไม่มีรสชาติเลย “โดมินิก คูเปอร์” หรือ “โอลกา คูรีเลนโก” ที่เข้ามาแสดงสมทบในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่คาแรกเตอร์ที่น่าอภิรมย์ ควรค่าแก่การจะย้ำและจดจำสักเท่าไหร่ ส่วนงานสร้างต่าง ๆ ก็แทบจะไม่ได้เห็นอะไรที่กว้างไกลนัก งานออกแบบซีจีก็่ค่อนข้างลอยตามสภาพงบประมาณของหนัง ถึงองค์ประกอบหลายอย่างจะน่าขัดใจ แต่อย่างน้อย ๆ The Princess ก็ยังเพลินดีเดือดถึงคนดูเป็นหนึ่งอยู่
ความรู้สึกหลังรับชม
เปิดมาแค่ 5 นาทีแรกก็เริ่มคิวบู๊เลยเมื่อเจ้าหญิงตัวเอกของเราตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกจับตัวขังเอาไว้ภายในปราสาทเพื่อบังคับให้เข้าพิธีอภิเษกสมรส แต่เจ้าหญิงก็ไม่ได้นั่งประวิงเวลารอคอยขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เธอลุกขึ้นสู้อย่างสุดใจเพื่อจะเอาชนะเหล่าลูกสมุนของ Lord Julius ชายโฉดพระคู่หมั้นของตนเอง ถ้าคิดว่าเริ่มเรื่องมามีฉากต่อสู้อย่างดุเดือด แล้วแปลว่ากลางเรื่องจะแผ่วลง ขอบอกไว้ในที่นี้เลยค่ะว่าไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้ คำว่าพักแทบไม่มีใน The Princess เพราะคนดูจะได้ดื่มด่ำไปกับฉากแอคชั่นแทบจะทุก ๆ 5 นาทีเลยก็ว่าได้
ความเจ๋งของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเราจะได้เห็นเจ้าหญิงสุดเฟียสที่มีความสามารถในการต่อสู้ระดับปรมาจารย์ เพราะแม่คุณถนัดใช้อาวุธหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นดาบ ค้อน โซ่ หรือหน้าไม้ อีกทั้งยังสามารถหยิบจับของใกล้มือมาใช้ต่อกรคู่ต่อสู้ได้อย่างชาญฉลาด บอกเลยว่าอย่าประมาทเจ้าหญิงร่างบางเพราะนอกจากเธอจะมาพร้อมความว่องไวและไหวพริบเป็นเลิศแล้ว จิตใจก็ยังแกร่งเทียบอัศวินนักรบ สู้เป็นสู้ไม่มีคำว่าปราณี สำหรับความอึดยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม่คุณแข็งแกร่งชนิดปีนกำแพงปราสาทก็ยังไหว ถึงในบางฉากจะดูเก่งเว่อร์เกินเบอร์ไปซะเยอะ ประหนึ่ง John Wick ย้อนเวลามาสิงร่างเจ้าหญิงของเรา (ต่อกรกับทหารหลายสิบด้วยตัวเอง ไม่เรียกเว่อร์ก็ให้มันรู้ไป) แต่ผู้เขียนก็ให้อภัยเพราะงานตัดต่อฉากบู๊เรื่องนี้มันช่างมันส์หยดจริง ๆ
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้นำ Veronica Ngo (Ngô Thanh Vân) นักแสดงชาวเวียดนามเจ้าของบทบาทคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งจาก Furie ที่ผู้เขียนกล่าวถึงไว้ในข้างต้น และยังเป็นนักแสดง 1 ในนักสู้อมตะจาก The Old Guard มารับบทสมทบเป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เจ้าหญิงเคารพนับถืออีกด้วย
ภาพยนตร์: The Princess 2022
โปรดักชั่น: 8/10 งานภาพ คอสตูม พร็อพต่าง ๆ สมจริงตามมาตรฐาน อีกทั้งมุมกล้องและการตัดต่อฉากแอคชั่นที่ทำออกมาได้มนส์สุด ๆ
เนื้อเรื่อง: 6/10 เป็นภาพยนตร์ที่เล่นประเด็นสิทธิสตรีอย่างชัดเจนค่ะ แต่โดยรวมก็ไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษ
ความน่าติดตาม: 7/10 นอกจากฉากต่อสู้ที่มารัว ๆ ทำให้คนดูลุ้นตามแล้ว การแสดงทั้งของ Joey King และ Veronica Ngo ก็บอกเลยว่ายืนหนึ่ง
คะแนนรวม: 7/10 ในด้านบทของ The Princess นั้นอาจจะไม่มีอะไรน่าจดจำนัก แต่ก็ถือเป็นภาพยนตร์แอคชั่นย้อนยุคที่ดูสนุกมาก ๆ เรื่องนึงค่ะ น่าจะถูกใจคอหนังบู๊ได้ไม่ยาก
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Princess
ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
ผู้กำกับ: เล-แวนเกียต
นำแสดงโดย: โจอี้ คิง
ความยาว: 94 นาที
กำหนดฉายในไทย: 29 กรกฎาคม 2022 (ที่ Disney+ Hotstar)