รีวิว Prey
เรื่องราว ที่เกิดขึ้น ในเผ่าอินเดียน รวมต้องบอกว่า ‘Prey’ เป็นหนังที่ตีโจทย์การสร้างได้ขาด สามารถป้อนปากผู้ชมที่ต้องการเรื่องราวดิบ ๆ เข้าใจง่าย ๆ แต่ขอให้สนุกก็พอซึ่งเป็นผู้ชมกลุ่มใหญ่ ใส่นัยความขัดแย้งเชิงประวัติศาสตร์และข้อถกเถียงถึงกระแสของโลกปัจจุบันลงไปแบบเห็นชัดแต่ไม่ขัดตาเพื่อผู้ชมกลุ่มที่อยากได้อะไรที่เป็นสาระบ้างได้เอาไปถกกันต่อ รวมถึงยังไม่ทิ้งแฟนของ ‘Predator’ ทั้งฉบับหนังและฉบับหนังสือให้เจออีสเตอร์เอ้กอย่างน่าชื่นชม หนังน่าดู ผู้มีชีวิตอยู่การล่า บ้างก็ล่า เพื่อเป็นอาหาร บ้างก็ล่า เพื่อความอยู่รอด และ ในทุกการล่าจะมีเจ้าหมาน้อยซารี ร่วมอยู่ด้วยเสมอ เธอจำคำ ของพี่ชาย อย่างทาเบที่บอกกับเธอเอาไว้ว่า “ เจ้าอยากจะล่าบางสิ่งที่กำลังตามล่าเจ้าสินะ ” ใช่แล้ว ในคน ๆ เดียว สามารถเป็นได้ทั้งผู้ล่า และ ผู้ถูกล่า ขึ้นอยู่ว่า เราจะพลิกชะตา จากที่ถูกล่าอยู่ ให้กลับขึ้นมาเป็นผู้ล่า ได้อย่างไรเท่านั้นเอง ดูหนังออนไลน์
รีวิว Prey เรื่องย่อ Prey
เป็นเรื่องราว ที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 กว่าปีก่อน เมื่อสิ่งมีชีวิต จากนอกโลกสุดสะพรึง เดินทางลงมาเหยียบผืนโลก พร้อมกับเทคโนโลยี อาวุธสุดล้ำสมัย เพื่อเปิดฉาก เกมล่าสุดโหด และ ช่างเป็นโชคร้ายเหลือเกิน เมื่อชนเผ่าโคแมนชี ( Comanche ) ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง อเมริกัน ต้องเผชิญหน้า กับความดุดันจากสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์ดุร้าย ที่พวกเขาไม่เคยพบเห็น และ ประมือกันมาก่อน Naru หญิงสาว เลือดนักสู้แห่งชนเผ่าโคแมนชี จึงต้องทุ่มสุดกำลัง และ ความสามารถเพื่อต่อกรกับ Predator พยายามปกป้องชนเผ่า ของเธอให้รอดพ้น จากเงื้อมมือของนักล่า สายพันธุ์โฉดจากอวกาศ ดูหนังฟรี
ความรู้สึกหลังการรับชม
พล็อตของเรื่อง ไม่ได้มีอะไรมากมาย มันคือ การที่หญิงสาว ในเผ่าคนหนึ่ง ที่อยากจะผันตัวเป็นนักล่า แม้ครอบครัว และ คนอื่นจะมองว่าไม่ใช่ เพราะความเป็นผู้หญิงก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นารู เป็นหญิงที่เชี่ยวชาญในหลายสิ่ง ทั้งรู้เรื่องยา ทั้งตามรอยได้เก่งกาจ ช่างสังเกต แถมยังพยายามฝึกฝน การใช้อาวุธอย่าง สม่ำเสมอ ถึงเธอจะไม่ได้มีพละกำลัง มากเท่าผู้ชายแต่ เธอก็มีฝีมือในการเอาตัวรอด อยู่ไม่น้อยเช่นกัน รีวิวหนังใหม่ชนโรง
ไอเดียการล่า ของพรีเดเตอร์ ในภาคนี้อาจจะ ไม่ได้อลังการมากนัก ส่วนใหญ่ เป็นเหมือนการเรียนรู้ห่วงโซ่ อาหารของโลก เสียมากกว่า ส่วนฉากการต่อสู้ ระหว่างมันกับมนุษย์เผ่าอินเดียน ก็อาจจะไม่ได้ ดูแปลกใหม่ แต่ดูสะอาดหมดจด ตามแบบฉบับ เผ่าอินเดียน เป็นหนังที่บทพูดน้อย ต่อยหนักแทน หลายช็อต ก็จัดว่าโหดเอาการอยู่ ติดที่มันเป็นหนัง ที่ต้องรับชมทางทีวี เนี่ยแหละ ถ้าเป็นบนจอใหญ่ ระบบเสียงกระหึ่ม ก็คงจะตื่นตาไม่หยอก แต่เหนืออื่นใด ต้องบอกว่า เจ้าหมาซารีเนี่ย ขโมยซีนได้น่าเอ็นดูได้ไม่น้อยเลย
ต้องชื่นชมด้วยว่า นักแสดงสาวอย่าง แอมเบอร์ มิดธันเดอร์ (Amber Midthunder) ที่มารับบท นารู นั้นมีเสน่ห์ทั้งด้านรูปลักษณ์และการแสดงที่สามารถตรึงสายตาไปกับเธอตลอดเรื่องได้จริง ๆ ไม่ว่าจะตอนสวย ๆ หรือผ่านนาทีชีวิตจนโทรมไปทั้งตัว แม้ตอนดูตัวอย่างยังหวั่น ๆ ว่าเธอไม่ค่อยดึงดูดสายตานักแต่ของจริงเธอฉายออร่าได้แรงไม่เบาทีเดียว
สปอย รีวิว Prey
มาถึงตรงนี้มันจึงได้เห็นว่าหนังมีการนำเสนอนัยของประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนพื้นเมืองอเมริกา รวมถึงการพูดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศแบบที่เราไม่รู้สึกยัดเยียดอยู่ด้วย ทำให้หนังมีมิติเชิงลึกให้พูดคุยกันต่อได้ แต่มันก็ไม่ทิ้งหน้าที่ในการสร้างความบันเทิง ต้องบอกว่าผู้สร้างไล่ระดับความตื่นเต้นไปได้อย่างเหมาะสม จากการประจันหน้ากับสัตว์ร้าย จนถึงคู่มือที่เกินเอื้อมแค่เอาชีวิตรอดมาได้ก็บุญ ก่อนที่ทุกอย่างจะบีบบังคับให้ฝั่งตัวเอกจนตรอกต้องสู้กลับเท่านั้น กลายเป็นศึกสุดท้ายที่บีบหัวใจอย่างยิ่ง
และในความเป็นหนึ่งในหนังที่พยายามเชื่อมโยงกับแฟรนไชส์ ผู้สร้างก็หาวิธีการสร้างสะพานกลับไปโยงใบผ่านหนังเรื่อง ‘Predator 2’ (1990) แบบน่าประหลาดใจพอสมควร ด้วยการใช้สิ่งของชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญในหนังเรื่องนั้น ให้มาปรากฏก่อนหน้าหลายร้อยปีในหนังเรื่องนี้
น่าเสียดาย ที่การกลับมา อย่างสมเกียรติ ของจักรวาล Predator ในครั้งนี้ไม่ได้ เฉิดฉายบนจอภาพยนตร์ ด้วยสุนทรียภาพจาก ธรรมชาติอันตระการตา ดีไซน์ของพรีเดเตอร์ ที่น่าเกรงขาม และความระทึก ของฉากไล่ล่า ที่คงจะเป็นประสบการณ์ชมภาพยนตร์ บนจอใหญ่ที่คุ้มค่า และ อิ่มเอมใจไม่ใช่น้อยเลยล่ะค่ะ
รีวิว Prey รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ Prey
กำกับ Dan Trachtenberg
เขียนบท Patrick Aison
แสดงนำ Amber Midthunder, Dakota Beavers, Dane DiLiegro, Stormee Kipp, Michelle Thrush
แนว/ประเภท Action, Drama, Horror, Sci-Fi, Thriller
เรท R
ความยาว 99 นาที
ปี 2022
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา
เข้าฉายในไทย 5 สิงหาคม 2022 ทาง Disney+ Hotstar
ผลิต/จัดจำหน่าย 20th Century Studios, Davis Entertainment, Disney+, hulu
ความน่าสนใจ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การจับนักล่าสุด เหี้ยมจากนอกโลกอย่าง Predator ที่มาพร้อมกับ ยุทโธปกรณ์ไฮเทค เกินยุคสมัย มาปะทะกับชนเผ่า พื้นเมืองที่มีเพียงอาวุธ ล่าสัตว์จากวัสดุ ธรรมชาติแบบบ้าน ๆ ให้ใช้เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่จะต่อ กรกับเจ้า Predator ด้วยอาวุธพื้น ๆ เหล่านี้ได้อย่างสูสีนั้นแทบ จะเป็นศูนย์ และ นั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ Prey ดึงความสนใจของผู้ชม เอาไว้ได้อยู่หมัดแทบจะตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งการสะท้อนภาพวิถีชีวิต ของชนเผ่าโคแมนชี ก็นับเป็นความโดดเด่นของ Prey ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเชือก จากเปลือกต้นไม้ การใช้ดอก totsiyaa สีส้ม ( หรือที่ผู้เขียน เข้าใจว่าอาจจะเป็น dandelion ภูเขา ) ในการทำยาบรรเทาอาการ เจ็บปวดจากการบาดเจ็บ

แนวของหนังที่ควรดู
การดำเนินเรื่องของ Prey มาในแนวหนังเอาชีวิตรอดที่ไม่ได้บู๊หนักทุกฉาก แต่เน้นเป็นการสร้างบรรยากาศความกดดันและความตึงเครียดซะมากกว่า โดยเนื้อหาหลัก ๆ ของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อน เป็นหนังที่เล่าถึงความมุ่งมั่นอยากจะพิสูจน์ตัวเองและต้องการเป็นที่ยอมรับในฐานะนักสู้ของ Naru ที่ถึงแม้เธอจะไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง กำยำจนสามารถใช้ความแข็งแรงทางร่างกายเข้าสู้ได้มากนัก แต่เธอก็อาศัยไหวพริบและทักษะในการวางแผนเข้าต่อกรกับอสูรร้ายอย่างไม่ท้อถอย โดยฉากแอคชั่นเรื่องนี้ไม่ได้ทำออกมาให้ตัวเอกอย่าง Naru เก่งกาจชนิดเกินคน ซึ่งก็เป็นจุดที่ทำออกมาได้สมเหตุสมผลค่ะ
และนอกจากนี้ การใช้โลเคชั่น เป็นป่าเขา ก็ชวนให้ผู้ชมย้อนนึกถึง ความระทึกขวัญแบบดิบ ๆ เหมือน Predator ภาคแรกในปี 1987 และ ภาพยนตร์ชุดที่ 3 ของแฟรนไชส์ที่ปล่อยในปี 2010 อย่าง Predators อีกทั้งยังมี easter egg จากภาพยนตร์ เรื่องก่อน ๆ ของแฟรนไชส์สอดแทรกเข้ามาได้อย่างแยบยล ( ตัวอย่างเช่น ฉากที่ Taabe พี่ชายของ Naru ถูกกรีดที่หน้าอก ก็ทำให้นึกย้อนถึงฉากที่ Billy กรีดหน้าอกตัวเองใน Predator ภาคแรก )