รีวิว Mimi 2021
รีวิว Mimi 2021 เนื้อเรื่อง
เกี่ยวกับสองสามีภรรยาชาวต่างชาติที่ไม่สามารถมีลูกเองได้ เดินทางมาอินเดียเพื่อเสาะหาหญิงสาวแข็งแรงชาวอินเดียเพื่อให้อุ้มท้องลูกของพวกเขา ทั้งสองได้พบกับ มีมี่ หญิงชาวอินเดียที่งดงามมีความฝันอยากจะเป็นดารา มีมี่ นั้นไม่มีเงินทองทุนทรัพย์สำหรับพาตนเองไปถึงจุดนั้น เมื่อสองสามีภรรยามาว่าจ้างจึงรับไว้ เรื่องราวเริ่มวุ่นหลังจากเธอตั้งครรภ์ แต่ภายหลังเรื่องวุ่นๆ ก็ซ่อนความงดงามไว้เสมอดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
Mimi เป็นหนังอีกเรื่องนึงที่โดนโรคเลื่อนจากสถานการณ์โควิดในอินเดีย ทางผู้ผลิตเลยต้องเอาลงฉายในระบบสตรีมมิ่ง Netfilx แทน ซึ่งจริงๆหนังเรื่องนี้แอดตามมาตลอดตั้งแต่ช่วงถ่ายทำแล้ว คิดไว้ด้วยว่าถ้าเข้าเมืองไทยก็อาจจะไปดูในโรงหนังเลยด้วยซ้ำ เพราะชอบ Kriti sanon มาตั้งแต่ Luka chuppi แล้ว และ Mimi ก็ยังเป็นทีมงานเซ็ทเดียวกับ Luka chuppi อีกด้วยรีวิวหนังใหม่ชนโรง
เอาง่ายๆ Mimi เป็นหนังที่ใช้ทั้งทีมงาน ทีมผลิต ทีมเขียนบท ผู้กำกับ รวมถึงนักแสดงนำอย่าง Kriti sanon และ Pankaj tripathi จาก Luka chuppi แบบยกเซ็ทเลย
โดยหนังเรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงหนังรางวัลภาษามารฐี เรื่อง Mala aai Vhhaychy ว่าด้วยเรื่องการอุ้มบุญหรือตั้งครรภ์แทนในอินเดีย แต่ในเวอร์ชั่นฮินดี Mimi จะถ่ายทอดออกมาในรูปแบบสนุกๆ ดูง่าย เน้นความสดใสเฮฮา
ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่อาจทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้เป็นแม่โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ อย่างกรณี “แม่อุ้มบุญ” แต่จะปฏิเสธได้อย่างไรว่า แม่ประเภทนี้ไม่มีความรักความผูกพันกับชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ในครรภ์ของเธอนาน 9 เดือนเหมือนแม่ในนิยามเดิม ดูได้จากภาพยนตร์อินเดียเรื่อง Mimi
Mimi เป็นภาพยนตร์ปี 2564 ผลงานการกำกับของ Laxman Utekar บอกเล่าเรื่องราวของมีมี่ หญิงสาววัย 25 ปี ที่สาวๆ แถวบ้านมีสามีกันไปหมดแล้ว แต่เธอยังครองตัวเป็นโสดเพราะมุ่งมั่นจะไปเป็นดาราบอลลีวูด ซึ่งการเข้าวงการไม่ใช่เรื่องง่าย เบื้องต้นมีมี่ต้องมีทุนในการถ่ายรูป ถ่ายคลิป ส่งไปยังเอเยนซี่ถึง 1 ล้านรูปี แต่โอกาสของเธอมาถึงเมื่อจอห์นและซัมเมอร์ คู่สามีภรรยาชาวอเมริกันตระเวนมายังรัฐราชสถานของอินเดีย เพื่อเสาะหาหญิงสุขภาพแข็งแรงไปเป็นแม่อุ้มบุญ ทั้งคู่ถูกใจมีมี่จึงให้ภาณุ คนขับรถไปทาบทามมาให้ได้ ภาณุซึ่งมีปัญหาแต่งงานแล้วไม่มีลูกเหมือนกันเข้าใจความทุกข์ของจอห์นและซัมเมอร์ดี เขาทำทุกวิถีทางให้มีมี่ตกลงรับ “อุ้มบุญ” พร้อมค่าจ้าง 2 ล้านรูปี (ราว 1 ล้านบาท) ส่วนหนึ่งของความพยายามโน้มน้าวใจคือ “การได้เป็นแม่คือของขวัญวิเศษ”
มีมี่ไม่ได้เคลิ้มไปกับคำพูดของภาณุ แต่รับงานเพราะยอมตั้งท้องแค่ 9 เดือน ก็จะมีเงินพาตัวเองเข้าวงการบันเทิงได้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เทคโนโลยีไอวีเอฟช่วยให้มีมี่อุ้มบุญตัวอ่อนของสามีภรรยาอเมริกันได้จริง ทุกคนมีความสุขไปตามๆ กัน แต่แค่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาสถานการณ์ก็พลิกผันเมื่อผลการตรวจล่าสุดพบว่า เด็กในท้องของมีมี่มีอาการดาวน์ซินโดรม ซัมเมอร์แม่แท้ๆ รับไม่ได้หากจะมีลูกพิการแบบนี้ เธอตัดสินใจชวนสามีกลับสหรัฐอย่างเร่งด่วน แล้วฝากภาณุไปบอกมีมี่ให้ทำแท้งเด็ก โดยไม่ได้คำนึงสักนิดว่าชีวิตของมีมี่นับจากนี้จะเป็นอย่างไร
สถานการณ์แบบนี้ช่างน่าเป็นห่วง เว็บไซต์ time.com รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2545 ที่อินเดียอนุญาตให้อุ้มบุญเชิงพาณิชย์ หรือการที่หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรของผู้อื่นแลกกับเงิน มีผู้หญิงเลือกเป็นแม่อุ้มบุญมาแล้วหลายพันคน แม้ไม่มีตัวเลขที่แท้จริงแต่ผลการศึกษาในปี 2555 จัดทำโดยกลุ่มซามารีสอร์ซเพื่อผู้หญิงและสุขภาพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติประเมินว่า ธุรกิจอุ้มบุญของอินเดียมีมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี คลินิกการเจริญพันธุ์ราว 3,000 แห่งทั่วประเทศ
จากการที่อินเดียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศรวมทั้งรัสเซีย และยูเครน ที่อนุญาตให้อุ้มบุญเพื่อการพาณิชย์ได้จึงถูกจับตามากในแง่ของจริยธรรม รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ร่างกฎหมายเตรียมห้ามการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ทุกรูปแบบ ในมุมของนายกฯ สายอนุรักษนิยมมองครอบครัวด้วยนิยามดั้งเดิม ในมุมของ ส.ส.มองว่าธุรกิจนี้เอาเปรียบผู้หญิงยากจน แต่ในมุมของผู้เชี่ยวชาญมองว่าหากห้ามเด็ดขาดจะเป็นการตัดหนทางหลุดพ้นจากความยากจนที่ผู้หญิงมีอยู่เพียงไม่กี่หนทาง โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 กำลังเล่นงานเศรษฐกิจอินเดีย และอาจนำไปสู่การลักลอบอุ้มบุญ
ส่วนกรณีของมีมี่นั้นเธอตัดสินใจเก็บลูกดาวน์ซินโดรมไว้ในท้อง แม้ต้องเจอแรงกดดันทั้งจากครอบครัวและสังคมมากมาย เมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลกมีมี่ยอมทิ้งความฝันเป็นดารามาทำอาชีพดั้งเดิมเป็นนักเต้นแลกเงินเล็กๆ น้อยๆ เพราะตอนนี้ความฝันไม่สำคัญกับเธออีกแล้ว หนูน้อย “รัจ” ลูกชายต่างหากที่เป็นโลกทั้งใบของมีมี่ แต่แล้วจู่ๆ เมื่อ รัจอายุได้ 4 ขวบ จอห์นและซัมเมอร์ก็กลับมาทวงลูกคืน แน่นอนว่ามีมี่ไม่มีวันยอม เธอถูกพ่อแม่ที่แท้จริงของหนูน้อยขู่จะฟ้องร้องดำเนินคดี มีมี่ พ่อแม่ ภาณุ และทุกคนที่รักหนูน้อยรัจรวมพลังสู้คดี
ดูมาถึงตรงนี้อีก 10 นาทีหนังจบ ชั่วโมงเน็ตดันหมดกะทันหันดูต่อไม่ได้ ชวนให้นึกถึงตอนดูหนังกลางแปลงสมัยเด็กแล้วหนังขาดเอาดื้อๆ เล่นเอาเสียอารมณ์ ก็ได้แต่เดาว่าหนังจะจบลงในรูปใด คิดว่าสุดท้ายแล้วมีมี่คงเห็นแก่อนาคตลูกให้ได้ไปเติบโตเป็นพลเมืองอเมริกันกับพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจแบบใดก็อยู่บนพื้นฐานความรักของคนเป็นแม่ แม้จะเป็นแม่อุ้มบุญก็ตาม
ลองหาดูได้ใน Netfilx แนะนำค่ะ แอดชอบหนังแบบนี้ หนังที่บทมันซีเรียสๆ แต่ถ่ายทอดออกมาเป็นคอมเมดี้และดูง่ายแต่ในขณะเดียวกันความเข้มข้นของหนังก็ยังคงอยู่ เน้นทุนต่ำ บ้านๆ ไม่ต้องใส่สูทขับรถแพงๆ แต่ออกมาสนุก มันรู้สึกดูหนังแล้วอิ่ม อิ่มทางใจ มีแอบน้ำตาซึมนิดหน่อยฉากที่ฝรั่งจะมาขอลูกคืนจากมีมี่การถ่ายทำถ่ายเริ่มที่
ในเดือนเมษายน 2019 The Times of Indiaรายงานว่าKriti Sanonจะแสดงในภาพยนตร์ที่หมุนรอบการตั้งครรภ์แทน [4] Dinesh Vijanโปรดักชั่นเฮาส์Maddock Filmsได้รับรายงานว่าสนับสนุนโครงการนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2019 ตามด้วยการเปิดตัวโปสเตอร์ และรายงานว่าSanon และPankaj Tripathiรับบทนำ ได้รับการยืนยันเพิ่มเติมว่าอิงจากภาพยนตร์ภาษามราฐีMala Aai Vhhayachy (2011) [5]ในการให้สัมภาษณ์กับIndia Today, Dinesh Vijan กล่าวว่า Mimi เป็นนิทานที่อิงจากเหตุการณ์จริงซึ่งแตกต่างจากเรื่องราวที่ฉุนเฉียว สำหรับเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจความสัมพันธ์ที่สวยงามระหว่างผู้หญิงที่ไม่เคยอยากเป็นแม่กับผู้หญิงที่รอที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้[6]ส่วนที่ไม่คาดคิดถูกเรียกว่า “อารมณ์ขัน” ในโครงเรื่องโดยเขา Sanon เสริม: “คุณจะมีอารมณ์ขันและอารมณ์ขันตามสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็มีตัวละครมากมายที่คุณจะนำกลับบ้าน” [7]สำหรับ Sanon มีมี่เป็นภาพยนตร์ที่เธอเซ็นสัญญาเมื่อได้ยินแนวคิดนี้ แต่ไม่ใช่ในบท ต่อมาตระหนักว่าบทบาทนี้มีอะไรมากมายให้เธอเป็นนักแสดง[8]เธอมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นสิบห้ากิโลกรัมเพื่อให้เข้ากับลักษณะของหญิงตั้งครรภ์[5]ในการให้สัมภาษณ์กับHindustan Timesเธออ้างคำพูด: “เราต้องถ่ายฉากการตั้งครรภ์และ Laxman Sir ก็ชัดเจนมากว่าจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักสำหรับฉากเหล่านั้น เพราะเขาไม่ต้องการให้ตัวละครมีหน้าสลัก” [5]นักแสดงสาวสาย ตมหังการ์ถูกผูกมัดให้เล่นเป็นตัวละครสำคัญในภาพยนตร์ แบ่งปันหน้าจอกับตรีปาธี [9]เธอได้รับรายงานว่าเล่นเป็นสตรีมุสลิมจากราชสถาน จึงเรียนภาษาอูรดูและภาษาราชสถานสำหรับบทบาทของเธอ
Mandawa , รัฐราชสถานโดย 29 ตุลาคม 2019 ในการสัมภาษณ์กับฟิล์มแฟร์ , Sanon ได้รับการยืนยันว่ามันจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอที่ตัวเอกเป็นผู้หญิง[13]ภายในเดือนธันวาคม 2019 ทีมงานได้เสร็จสิ้นการผลิตภาพยนตร์แล้ว 40% ตารางการถ่ายทำครั้งต่อไปมีกำหนดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 เป็นเวลา 30–40 วัน[15]การถ่ายทำเกิดขึ้นที่ชัยปุระเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2020 [16]โดยที่ผู้ผลิตถ่ายทำซีเควนซ์หลักภายในวันที่ 4 มีนาคม 2020 ตามรายงาน การถ่ายทำสองสามวันหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ใน อินเดีย. ในเดือนมิถุนายน 2020 Utekar ยืนยันว่าอยู่ระหว่างการถ่ายทำ 5 วัน ซึ่งรวมถึงเพลงแนะนำที่มีศิลปินจากสหราชอาณาจักร [5]เพลง (ภายหลังถอดรหัสเป็น “Param Sundari”) มีกำหนดจะถ่ายทำในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 เขาเสริมว่าเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดทีมงานขนาดใหญ่และนักแสดงที่เดินทางกลับไปยังราชสถานไม่สามารถทำได้ นักแสดงจากต่างประเทศถูกเรียกตัวไปที่มุมไบเพื่อถ่ายทำ เนื่องจากพวกเขาต้องการความต่อเนื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ [19]ภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ได้มีการเปิดเผยว่ากระบวนการถ่ายทำทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้ว
นักแสดง
- กฤติ สานนท์ รับบท มีมี่ ราทร
- Pankaj Tripathiเป็น Bhanupratap Pandey
- Sai Tamhankar รับบทเป็น Shama เพื่อนสนิทของ Mimi
- มโนจ ปาห์วา รับบท มานซิงห์ ราโธเรพ่อของมีมี่
- Supriya Pathak รับบทเป็น Shobha Rathore แม่ของมีมี่
- เอเวลิน เอ็ดเวิร์ดส์ รับบท ซัมเมอร์
- Aidan Whytock รับบทเป็น จอห์น
- Jaya Bhattacharya รับบทเป็น Dr. Asha Desai
- เจคอบ สมิธ พากย์เป็น ราช ราธอร์ ลูกชายบุญธรรมของมีมี่ ซัมเมอร์ และลูกชายแท้ๆ ของจอห์น