รีวิว Incantation

รีวิว Incantation

รีวิว Incantation

รีวิว Incantation ที่มา 

Incantation เข้าฉายที่ไต้หวันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และทำรายได้ถึง 23 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่ 3 วันแรก โดยได้แรงบันดาลใจจากคดีจากเมืองเกาสงในปี 2005 เมื่อสมาชิกของครอบครัวหนึ่งที่มีด้วยกัน 6 คน อ้างว่าถูกเทพเข้าสิงจนทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คือทำร้ายกันเอง และกินแค่น้ำผสมขี้เถ้าเพื่อประทังชีวิตเป็นเดือนๆ จนกระทั่งทุกคนได้เริ่มได้สติกลับคืนมา ลูกสาวคนโตของครอบครัวกลับป่วยหนัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สมาชิกในครอบครัวถูกตั้งข้อหาละเลยจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งเนื้อเรื่องหยิบเพียงประเด็นการถูกครอบงำด้วยอะไรบางอย่างและการปฏิบัติตามความเชื่อ จนเกือบทำให้ตัวละครในเรื่องเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาใช้เท่านั้นดูหนัง

รีวิว Incantation

Incantation เล่าเรื่องของ ‘หลีรั่วหนาน’ หญิงสาวที่ต้องคำสาปจากการเข้าไปร่วมในพิธีกรรมและเข้าไปในอุโมงค์ต้องห้ามของครอบครัวแฟนหนุ่มเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเธอกลายเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต จนมีอาการป่วยทางจิต และต้องพลัดพรากจาก ‘ ตั่วตัว ’ ลูกสาว จนเมื่ออาการดีขึ้นจึงไปรับตั่วตัวกลับมา แต่แล้วเรื่องราวแปลกๆ เมื่อ 6 ปีที่แล้วก็เกิดขึ้นซ้ำอีก ทำให้เธอต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือลูกสาวให้ปลอดภัย

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างโดยอิงจากเรื่องจริง เอาละสิหลอนเลยว่าไอ้ลัทธินี้มันมีจริงเหรอ แต่ปรากฏว่าเรื่องราวมันไม่ได้เหมือนกันเป๊ะ ๆ เค้าแค่ได้แรงบันดาลใจมา โดยเรื่องจริงนั้นเกิดขึ้นในปี 2005 เป็นเรื่องของครอบครัวนึงที่อ้างว่าสมาชิกแต่ละคนของครอบครัวถูกเทพเจ้าสิง พวกเขาพยายามไล่เทพด้วยการทำวิธีรุนแรงต่าง ๆ จนถึงขั้นสมาชิกครอบครัวคนนึงเสียชีวิต ต่อมาสมาชิกครอบครัวที่เหลือนี้เลยถูกจับกุม

รีวิว Incantation

กลับมาที่หนังบ้าง การนำเสนอของหนังเป็นแนว Found Footage เล่ากึ่ง ๆ เป็นสารคดี แม้จะไม่ใช่วิธีแปลกใหม่ แต่ก็ยังสามารถทำให้เราอินไปกับหนังง่ายขึ้น เพราะเหมือนเราเข้าไปอยู่ในหนังด้วยเลย มันดูเรียล เป็นการมองผ่านสายตาของตัวละคร ซึ่งก็ยิ่งทำให้ลุ้นเอาใจช่วยตามไปอีก ข้อดีคือกล้องไม่ค่อยสั่นเท่าไร ภาพเลยไม่งงมากดูหนังออนไลน์

Timeline ของหนังแตกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเล่าถึง 6 ปีก่อนที่หลี่รั่วหนานกับเพื่อนชายอีก 2 คนตั้งใจจะทำคลิปล่าท้าผี โดยพวกเขาเดินทางไปยังหมู่บ้านในชนบทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ปักหลักของตระกูลสองหนุ่ม พวกเขาได้เข้าพิธีประหลาดของตระกูล และได้เจอกับอุโมงค์ลึกลับซึ่งว่ากันว่าเฮี้ยนไม่เบา สองหนุ่มเลยบุกเข้าไปค้นหาความจริงส่วนหลี่รั่วหนานรออยู่ข้างนอกเพราะไม่สบายจากอาการท้อง แต่ปรากฏว่าสองหนุ่มนั้นไม่รอด เหลือเพียงนางเอกที่รอดออกมาได้ แต่จากการร่วมพิธีในครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตนางเอกเปลี่ยนไป

รีวิว Incantation

อีกเส้นเรื่องหนึ่ง คือเส้นปัจจุบันที่หลี่รั่วหนานนำตั่วตัวออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กเพื่อมาเลี้ยงเอง โดยจริง ๆ นางก็เป็นแม่แท้ ๆ แหละ แต่มาฝากลูกไว้เพราะตอนแรกกลัวว่าคำสาปจะทำร้ายลูก ปัจจุบันนางไม่กลัวละ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเจอคำสาปตามหลอกหลอนเรื่อย ๆ หนักสุดคือลูกรับไปเต็ม ๆ มองเห็นผีบ้าง โดนผีสิงบ้าง ร่างกายเละเทะบ้าง ทำเอาคนเป็นแม่ต้องวิ่งหัวกระเซิงไปหาคนนู้นคนนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันทางศาลก็พิจารณายึดสิทธิ์การเลี้ยงลูกของเธอ เพราะเห็นว่าตั้งแต่ได้รับลูกคืนมาก็มีแต่เรื่องไม่น่าไว้วางใจดูหนัง  

สิ่งหนึ่งที่หนังทำได้ดีมาก ๆ คือการเนรมิตฉากและบรรยากาศที่ชวนขนลุก ไม่ชอบมาพากล และมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แนว ๆ ลัทธิลี้ลับ ซึ่งมันก็ยิ่งชวนให้น่ากลัวมากขึ้น ส่วนตัวเราชอบเส้นเรื่องเมื่อ 6 ปีก่อน เพราะบรรยากาศมันดูขลังมาก ดูใหม่ไปหมด อยากรู้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ในอุโมงค์ ฉากอุโมงค์นี้ชอบสุด ๆ เพราะภาพจากกล้องทำให้เหมือนเราได้มุดเข้าไปดูด้วยตัวเอง

อีกสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าขนลุกให้หนังได้มากกกกคือเสียงบทสวดที่แทบจะฝังเข้าไปในสมองของเราแล้ว ซึ่งพอเค้าเฉลยว่าบทสวดนั้นหมายความว่าอะไร ก็ยิ่งเพิ่มความหลอนไปอีกจากที่เดิมที่ก็หลอนอยู่แล้ว ไหนจะการเล่นกับสัญลักษณ์ที่นางเอกบอกให้เราจำให้แม่นอีก ทุกอย่างดูมีความหมายลี้ลับเต็มไปหมด

รีวิวIncantation

และในตอนสุดท้ายที่หนังหักมุมด้วยการเฉลยความจริงเกี่ยวกับตัวนางเอก ก็ยิ่งทำให้หนังถึงจุดพีค จนคนดูอาจจะอุทานว่า “เชี่ยยยย” ออกมาได้เลยทีเดียว
แต่สบายใจได้สำหรับใครที่หลอนกับบทสวดและท่าไหว้สุดพิสดาร ทางผู้กำกับบอกว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องเมกจ้า ลัทธินี้ไม่มีจริง เป็นเรื่องแต่งดูหนังออนไลน์

คำเตือนนึงที่อยากจะฝากไว้คือ ภาพฉากในเรื่องค่อนข้างดิบใช้ได้ ใครที่กลัวรู กลัวหนอน กลัวเลือด อาจจะสะเทือนกับภาพได้มากหน่อย ขนาดเราไม่ได้กลัวยังรู้สึกแหวะ ๆ ตาม

ส่วนในเรื่องของความตกใจ ความตุ้งแช่ อันนี้มีไม่เยอะ โผล่มาแค่ 1-2 ครั้งมาก หนังเน้นบรรยากาศเย็นเยียบชวนขนลุกมากกว่า

รีวิวIncantationจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องในสไตล์ Found Footage คือเล่าผ่านกล้องวิดีโอส่วนตัวของตัวละคร รวมทั้งกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ แล้วนำมาเรียงร้อยต่อกันแบบไม่ลำดับขั้นเวลา ทำให้ส่วนนี้เป็นหนึ่งในจุดอ่อนของหนังที่อาจทำให้คนดูสับสน อย่างไรก็ดี ก็ถือได้ว่าไม่ยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจ ที่สำคัญการเล่าเรื่องแบบนี้ยังทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง เมื่อผนวกกับการวางคาแรกเตอร์ตัวละครให้เป็นแก๊งล่าท้าผีด้วยแล้ว ก็พอจะเชื่อได้ว่าเธอเป็นคนขยันถ่าย แม้ในหลายๆ ฉากจะดูเซ็ตอัพ หรือจะตายอยู่แล้วยังจะถ่ายอีกเหรอ ? อยู่บ้างก็ตาม

หนังเปิดฉากด้วยตัวหลีรั่วหนานอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และแนะนำให้คนดูทำอะไรบางอย่างแบบกึ่งห้ามกึ่งยุไปกับเธอ ตรงจุดนี้ช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนดูได้ดี แม้ว่ารู้อยู่แก่ใจว่าจะตกหลุมพรางก็ตาม ยิ่งได้ยินเสียงบทสวดคลอไปด้วยก็นับว่าเป็นการบิลด์อารมณ์คนดูได้น่าสนใจ

จากนั้นก็จัดหนักจัดเต็มด้วยฉากสยดสยองต่างๆ นิ่งๆ สลับตุ้งแช่แบบหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งๆ ที่แทบทั้งเรื่องมีฉากผีปรากฏตัวแค่ครั้งเดียวและเห็นแค่มือเท่านั้น แต่หนังเล่นกับความกลัวของคนผ่านอาการ Phobia ต่างๆ ทั้งกลัวเลือด กลัวแมลง กลัวรู กลัวฟัน และความขรึมขลังของพิธีกรรม รวมทั้งพฤติกรรมแปลกๆ ของคนผ่านความเชื่อ แม้โดยส่วนตัวผู้เขียนจะค่อนข้างเฉยๆ กับผีจีน แต่การเลี่ยงไปให้เป็นพิธีของพุทธนิกายตันตระที่มีทั้งเทพและมาร ก็ช่วยเพิ่มความเอ็กโซติกขึ้นไปได้อีกหน่อย

อย่างไรก็ดี ความสยดสยองที่แท้จริงของเรื่องนี้ต้องยกให้กับฉากการทำร้ายตัวเองของคนที่ถูกวิญญาณครอบงำ ซึ่งบางฉากเรียกได้ว่าสร้างสรรค์วิธีการตายได้อย่างพิสดารดีทีเดียว รวมทั้งภาพร่างกายมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจแต่ร่างกายเน่าเปื่อยจนมีแมลงเข้าไปทำรัง ก็สร้างภาพติดตาให้คนดูนอนหลับไม่สบายได้เหมือนกัน

แม้ Incantation จะจัดหนักจัดเต็มกับฉากน่ากลัวๆ แต่เป็นเพราะหลายๆ ฉากที่แฟนหนังสยองขวัญเคยเห็นมาแล้ว ทำให้รู้สึกบางช่วงค่อนข้างน่าเบื่อ และหนังยาวเกินไป ซึ่งสามารถตัดบางฉากออกไปก็ได้ ส่วนการแวะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูกเพื่อให้ตอนจบดูหนักแน่นยิ่งขึ้น ก็ออกมาดูตื้นเขิน ทั้งๆ ที่เนื้อหาสามารถสอดเทรกความพร่าเลือนระหว่างเรื่องจริงและอาการทางจิตของแม่ที่อาจคร่าชีวิตของลูกได้ให้หนังฉีกไปจากหนังสยองขวัญแบบเดิม แต่สุดท้ายก็เลือกใช้มุก ‘จดหมายลูกโซ่’ ที่คนดูเคยผ่านหูผ่านตากันมาหลายครั้ง

 

รีวิวIncantation

ความรู้สึกหลังดู

หลังจากที่ดู Incantation หรือ มนตราจบลง โดยภาพรวมก็รู้สึกแล้วว่า เพราะเหตุใดหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นหนังผีสยองขวัญที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะการกระหน่ำเรื่องราวความรู้สึกขวัญสยองขวัญ ที่ใส่เข้ามาแบบไม่จำกัดให้เราได้รับชมมาตั้งแต่ต้นเรื่อง และมันก็ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปจนถึงจบเรื่อง เขาสามารถเรียงลำดับและถ่ายทอดออกมาได้ดี

ไม่ว่าจะเป็นความน่ากลัวในรูปแบบไหนเขาก็ใส่เข้ามาเอาไว้ในหนังตลอดทั้งเรื่องเช่น ไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัวแบบคิดไปเองของตัวละคร (Phobia) การสร้างความหวาดกลัวให้กับคนดูให้ได้เห็นบรรยากาศของหนังแม้ว่าจะไม่มีผีหรืออะไรออกมาก็ตาม การสร้างความกดดันอย่างรุนแรงให้กับตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวละครของนางเอกที่เธอไม่รู้ว่าอะไรถูกคุกคาม การสร้างความหวาดกลัวผ่านตัวละครตั่วตัว การสร้างความกดดันจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย การสร้างความหวาดกลัวจากอาการการ ( Try pophobia ) หรือการสร้างความตื่นตกใจในจังหวะ Jump Scare ก็ตาม หนังเขาใส่ไปได้อย่างดีแบบพอดีและถูกที่ถูกจังหวะมาก ๆ ผนวกกับการใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจ ก็เลยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดูสมจริง เหมือนกับว่าเราได้ดูภาพเหตุการณ์จริง

การเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจ ของหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำออกมาพอใช้ได้ ใครที่ไม่ชอบหนังแนวนี้เพราะกลัวว่ากล้องจะสายไปส่ายมาจนทำให้เวียนหัวไปนั้นสามารถตัดออกไปได้เลย กล้องถือว่าค่อนข้างนิ่งพอสมควร เพราะเขาใช้วิธีการให้ตัวละครพูดกับหน้ากล้องที่ตั้งเอาไว้นิ่ง ๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อไหร่ที่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องโดยใช้กล้องแบบ handhed ก็ถือว่าเป็นการถือกล้องที่นิ่งมาก มันจะมีเฉพาะจังหวัดที่ตัวละครนั้นตื่นกลัวหรือเจอกับบางสิ่งบางอย่างเท่านั้นที่ส่ายไปส่าย ก็เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคน ดังนั้นเทคนิคแบบฟาวล์ฟุตเทจของมนตราในเรื่องนี้จึงทำให้คนดูที่ไม่ชอบการเล่าเรื่องแบบนี้รับชมได้แบบไม่รำคาญใจหรือปวดหัวมากนัก

อย่างไรก็ตามการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจนั้นก็ยังคงเอกลักษณ์ที่หนังแนวนี้ใช้กันมา ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง The Blair Witch Project, Paranormal Activity, Grave Encounters, Gonjiam Haunted Asylum, The Taking Of Deborah Logan, As Above, So Below, Unfriended, Noroi : The Curse และร่างทรง เป็นต้น ( จะว่าไปแล้วช่องของเราน่าจะรวมหนังแบบฟาวล์ฟุตเทจแล้วมารีวิวก็ดีเหมือนกันนะครับ) โดยที่มีเอกลักษณ์คือเขาจะไม่รวบรัดในการเล่าเรื่องเร็วเกินไป จะค่อย ๆ ให้คนดูนะได้ซึมซับกับบรรยากาศ การรับรู้ผ่านตัวละครที่ถือกล้อง และเมื่อดำเนินเรื่องไปจนถึง Climax เขาก้อกระหน่ำใส่เราอย่างถาโถมจนเราหัวใจแทบวาย ซึ่งใน Incantation หรือ มนตรา เขาก็ใช้สูตรนี้ในการเล่าเรื่องแบบเต็ม ๆ ดังนั้นในรูปแบบของการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจที่เกิดขึ้นในหนังจึงไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้กับเราผู้ชมรีวิวหนังใหม่ชนโรง

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *