รีวิว Hidden Figures

รีวิว Hidden Figures

รีวิว Hidden Figures

รีวิว Hidden Figures ที่มา

หนังย้อนไปช่วงยุค 60s สงครามสำรวจอวกาศระหว่างโซเวียตที่ประสบความสำเร็จนำหน้าอเมริกา ‘แคทเธอรีน’ (Taraji P. Henson) นักคณิตศาสตร์ในองค์กรนาซาที่ถูกเรียกตัวไปช่วยโครงการปล่อยนักบินขึ้นไปบนอวกาศ แต่เธอไม่ได้รับการยอมรับจากคนในทีม เพราะความเป็นเพศหญิงผิวสี แต่เธอกลับต้องทำงานให้กับแฮริสัน ซึ่งเป็นเจ้านายสุดโหด ที่ไม่มีวันพอใจกับผลงานของใครแบบง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถ และยังเก่งกว่าเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย และมีผิวสีขาวอีก

รีวิว Hidden Figures

‘โดโรธี’ (Octavia Spencer) หัวหน้าทีมคณิตศาสตร์ของกลุ่มผู้หญิงผิวสีในนาซาที่ไม่ได้เลื่อนขั้นสักที เธอกำลังจะถูกคอมพิวเตอร์ IBM เข้ามาแย่งงานคำนวณต่างๆ แต่เธอไม่ยอมแพ้จึงแอบฝึกการตั้งระบบคอมพิวเตอร์เพื่ออนาคตของตัวเอง

‘แมรี’ (Janelle Monáe) อยากเป็นวิศวกรแต่ถูกกฎระเบียบนาซากีดกันเอาไว้ทั้งที่ความสามารถเธอเพียงพอ แต่เธอไม่ยอมแพ้เลือกจะสู้ตามกฎขององค์กรต่อไปแม้จะต้องต่อสู้กับการแบ่งแยกสีผิวในสถานศึกษาดูหนัง

หากคุณเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังจะกลายร่างเป็นซอมบี้ที่ใช้ชีวิตเหมือนกันในแต่ละวัน เราขอแนะนำให้คุณลองรับชมภาพยนตร์เรื่อง Hidden Figures ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นมันยังช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ได้อีกด้วย เพราะเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าถึงหญิงสาวผิวสี 3 คนในยุค 70 ที่ทำงานในองค์การนาซ่า ลองนึกสภาพดูว่าในสังคมที่เหยียดสีผิวอยู่แล้ว แถมพวกเธอยังเป็นผู้หญิงที่อยู่ในองค์กรที่เต็มไปด้วยคนผิวขาวมากความสามารถ พวกเธอจะเอาตัวรอดในสังคมการทำงาน

รีวิว Hidden Figures

Hidden Figures จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวผิวสี 3 คนประกอบไปด้วยแคทเธอรีน โดโรธี และแมร์รี่ แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงแถมยังเป็นคนผิวสีแต่พวกเธอก็มีความสามารถมากพอที่จะเข้าไปทำงานในองค์กรระดับโลกอย่างนาซ่าได้สำเร็จ แต่เสียดายที่พวกเธอเข้าไปในยุค 70 ที่ในอเมริกานั้นยังคงมีประเด็นการเหยียดสีผิว และการจำกัดโอกาสในการทำงานของคนผิวสีอย่างชัดเจน พวกเธอจึงต้องพยายามทุกหนทาง เพื่อที่จะพิสูจน์ความสามารถว่าพวกเธอนั้น ก็เหมือนกับคนทำงานทั่วไปที่มีความสามารถมากพอ และเหมาะสมที่จะอยู่ในองค์การดังกล่าว แม้ว่าทั้งองค์การนั้นจะเต็มไปด้วยคนผิวขาวก็ตามดูหนังออนไลน์

นับตั้งแต่มีการก่อตั้ง องค์กรอวกาศสหรัฐฯ (NASA) ไม่เคยมีพนักงานผิวสีคนไหน สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับหัวหน้าแผนก ไม่ว่าพนักงานคนนั้น จะมีความสามารถและประสบการณ์ทำงานที่เหมาะสมเพียงใด Dorothy คือ หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น เธอเริ่มต้นจากการเป็นนักคำนวณธรรมดาเหมือนกับสตรีผิวสีคนอื่น แต่ด้วยความรู้ความสามารถ ประกอบกับพรสวรรค์ที่เธอมี Dorothy จึงได้รับความไว้วางใจจากทุกคน ทำหน้าที่หัวหน้าแผนก Colored computing group แทนหัวหน้าแผนกคนเก่า แต่โลกแห่งการทำงานช่างโหดร้าย เมื่อเธอถูกปฏิเสธการพิจารณาตำแหน่งหัวหน้าแผนก เพียงเพราะ เธอเกิดมาเป็นคนผิวสี

รีวิว Hidden Figures

อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบกับความล้มเหลวอย่างรุนแรง แต่เธอเลือกที่จะก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไป และพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาระบบประมวลข้อมูล IBM 7090 เครื่องจักรที่จำเป็นต่อการคำนวณทางคณิตศาสตร์ของ NASA ด้วยความสามารถทางระบบคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรม ที่ไม่มีใครคาดคิด หลังจากการลักลอบศึกษาและพัฒนาอยู่เป็นเวลานาน ระบบประมวลข้อมูล IBM 7090 ก็สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการคำนวณของสหรัฐฯ แซงหน้าสหภาพโซเวียต ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ จึงทำให้ Dorothy ก้าวขึ้นสู่ ‘หัวหน้าแผนกชาวอเมริกัน-แอฟริกันคนแรก ขององค์กรอวกาศสหรัฐฯ (NASA)’ ได้ในท้ายที่สุดดูหนัง  

เส้นทางชีวิตของ Mary ก็ประสบกับปัญหาและอุปสรรคมากมายเช่นกัน เธอใฝ่ฝันที่จะเป็นวิศวกรหญิง แห่งองค์กรอวกาศสหรัฐฯ (NASA) และรู้ตัวดีว่า ตนเองมีความสามารถและพรสวรรค์มากพอที่จะไปถึงจุดนั้น แต่ทว่า ความฝันของเธอต้องจบลงไป เพียงเพราะว่า ‘NASA ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้ารับการฝึกเป็นวิศวกร’ แม้ว่าเธอจะมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ทางเดียวที่จะทำให้ฝันของเธอกลายเป็นจริง คือ เธอต้องเข้าอบรมหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ชั้นสูง จากโรงเรียนมัธยมปลายแฮมป์ตัน ที่ซึ่งมีนโยบายแบ่งแยกสีผิวชัดเจน คนผิวสี จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับการศึกษาจากสถาบันแห่งนั้นดูหนังออนไลน์

 

รีวิวHidden Figures

 

หากเป็นสตรีผิวสีคนอื่น ความฝันนี้ อาจสูญสลายไปจากความทรงจำของพวกเธอตลอดกาล แต่สำหรับ Mary เธอได้เลือกทางเดินที่ต่างออกไป เธอยื่นข้อร้องเรียนต่อศาล เพื่อขอเข้าร่วมอบรมหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ชั้นสูง ที่โรงเรียนมัธยมปลายแฮมป์ตัน หากพิจารณาจากบริบททางสังคม ณ ขณะนั้น โอกาสที่เธอจะชนะคดีเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากรัฐเวอร์จิเนีย เป็นรัฐที่มีนโยบายแบ่งแยกสีผิวชัดเจน และไม่เคยมีสตรีผิวสีคนไหน ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายของคนผิวขาวมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถึงกระนั้น เธอยังยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อให้เธอได้เป็นวิศวกรหญิงดั่งที่เธอปรารถนา หลังจากการต่อสู้อย่างยาวนาน เธอก็ได้เข้าร่วมการอบรม และเข้ารับการฝึกเป็นวิศวกรของ NASA ได้เป็นผลสำเร็จ ในท้ายที่สุด เธอกลายเป็น ‘วิศวกรการบินและอวกาศหญิง ชาวอเมริกัน-แอฟริกันคนแรก ขององค์กรอวกาศสหรัฐฯ (NASA)’

รีวิวHidden Figures

ท้ายสุด กับเส้นทางชีวิตของ Katherine นักคำนวณสตรีผิวสี ที่มีพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์มาแต่กำเนิด แต่ถูกกดขี่ด้วยอคติทางความคิดของสังคมยุคสงครามเย็น แม้ว่า เธอได้รับโอกาสจากกลุ่มภารกิจอวกาศ ให้เข้าร่วมปฏิบัติการส่งนักบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ในฐานะนักคณิตศาสตร์เรขาคณิตวิเคราะห์ แต่ชีวิตการทำงานของเธอนั้น กลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นับตั้งแต่เธอเข้าทำงานในกลุ่มภารกิจอวกาศ Katherine ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม ทั้งจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร่วมมือในการทำงานหรือเรื่องทั่วไป เช่น การแบ่งแยกห้องน้ำสำหรับคนผิวสี เป็นต้น

แต่ทว่า อุปสรรคมากมายที่คอยขัดขวางความสำเร็จ ก็ไม่อาจหยุดยั้งความพยายาม และความตั้งใจในการทำงานของเธอได้ ทุกวัน เธอทำงานอย่างสุดความสามารถ เพื่อค้นหาวิถีวงโคจร ที่จะสามารถส่งนักบินขึ้นสู่อวกาศและพากลับมายังพื้นโลกได้อย่างปลอดภัย แม้จะไม่มีใครเชื่อมั่นว่า เธอจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม จากพรสวรรค์ด้านการคำนวณ และความมุมานะที่มีต่องาน เธอก็สามารถไขปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้เป็นผลสำเร็จ เป็นผลให้สหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรโลก ผลจากความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ Katherine จึงกลายเป็น ‘นักคณิตศาสตร์หญิง ชาวอเมริกัน-แอฟริกันคนแรก ขององค์กรอวกาศสหรัฐฯ (NASA) ที่สามารถกู้ศักดิ์ศรี ในการแข่งขันวงการอวกาศ ให้กับสหรัฐอเมริกาได้เป็นผลสำเร็จ’

รีวิวHidden Figures

ถ้ามองบรรยากาศของหนังช่วงทศวรรษ 60 ในบริบทการเมืองระหว่างประเทศแน่นอนว่า สหรัฐกำลังแข่งขันกับโซเวียตในทุกเรื่อง แต่บรรยากาศในประเทศนั้นทศวรรษ 60 เป็นช่วงเวลาการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิพลเมืองในอเมริกาที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ทศวรรษ 50 ภายใต้การนำของสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำการเรียกร้องสิทธิความเป็นพลเมือง เรียกร้องโอกาสและความเท่าเทียม โดยไม่แบ่งแยกหรือกีดกันสีผิว

มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ถูกมือปืนผิวขาวลอบสังหารในวันที่ 4 เม.ย.2511 ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ขณะกำลังเดินทางไปช่วยพนักงานเก็บขยะ ประท้วงหยุดงานเพื่อเรียกร้องค่าจ้างที่เท่าเทียม

เหตุอุกอาจสร้างความเจ็บแค้นให้กับชาวอเมริกันผิวดำจนกลายเป็นเหตุจลาจลในกรุงวอชิงตันและ 110 เมืองทั่วประเทศ ภาพความโกลาหลแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อปีที่ผ่านมาในการประท้วง Black Lives Matter (BLM) ชนวนเหตุจาก “จอร์จ ฟลอยด์” ชาวอเมริกันผิวดำต้องเสียชีวิตเพราะน้ำมือของตำรวจผิวขาว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งเรื่องสีผิวในสหรัฐมีมานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีทัศนคติเชิดชูความเหนือกว่าของคนผิวขาวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อการประท้วง BLM เกิดขึ้นในปีที่มีการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์จึงพ่ายแพ้ให้กับโจ ไบเดนไปในที่สุด

และเพื่อเยียวยาความขัดแย้งของคนในชาติ ไบเดนตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีความหลากหลาย มีรัฐมนตรีกลาโหมเป็นแอฟริกันอเมริกันคนแรก รัฐมนตรีมหาดไทยเป็นคนพื้นเมืองคนแรก รัฐมนตรีการเคหะและพัฒนาชุมชนหญิงแอฟริกันอเมริกันคนแรก และอีกหลายๆ คน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรก อนาคตอาจไปไกลถึงประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรกด้วยก็ได้

ดูหนังและอ่านประวัติศาสตร์ช่วยให้ตระหนักว่า สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยการร้องขอกราบกราน ทั้งหมดนี้ได้มาเพราะการต่อสู้ของคนรุ่นก่อนที่ได้แผ้วถางทางให้คนรุ่นหลัง จากแคทเธอรีน จอห์นสัน, แมรี แจ็คสัน และโดโรธี วอห์น มาถึงคามาลา แฮร์ริส และอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกบันทึกชื่อไว้

พวกเธอร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์แห่งความเสมอภาคทั้งในสหรัฐและทั่วโลก แต่การเดินทางบนถนนแห่งความเสมอภาคยังไม่สิ้นสุด พวกเราคงต้องสานต่อภารกิจของเหล่า Hidden Figures สร้างสังคมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป แม้จะเป็นเพียงคนเล็กคนน้อยผู้ไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็ตาม

สิ่งที่ชอบที่สุดจากหนัง และสิ่งที่ได้จากหนัง

รีวิวHidden Figures

1. ความฟีลกู้ดที่เข้าทาง จริงๆ เราเป็นคนไม่ถูกจริตกับหนังฟีลกู้ดจ๋าสักเท่าไร แต่เรื่องนี้ดันรู้สึกลงล็อกกับตัวเอง (ทั้งที่มันค่อนข้างฟีลกู้ดจ๋าในสายตาเรา) หนังจะมีตัวละครคนดี๊คนดีแบบเข้ามาเป็นกำลังใจ เข้ามาให้หนังสดชื่น ไม่หมองหม่น ส่วนตัวละครที่แอนตี้นางเอกก็จะใช้เสริมให้เราเอาใจช่วยพวกเธอ เพราะสุดท้ายก็รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องเอาชนะพวกนั้นได้ พอจังหวะค่อยๆ ละลายอคติมันเลยกินใจเหลือเกิน ซึ่งสาเหตุที่เราอินกับตัวละครอาจจะเพราะเราชอบสไตล์การต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการยอมรับของพวกเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย

2. วัตถุดิบที่หนังหยิบมาเล่า อาจจะมีการจงใจสร้างสถานการณ์ไม่เป็นมิตรระหว่างคนผิวขาวเพศชายกับคนผิวสีเพศหญิงที่เกินจริงไปสักหน่อย แต่ดันสำคัญต่อการเล่าเรื่องสร้างพลังใจ เพราะมันทำให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่อให้คนในองค์กรนาซายอมรับความสามารถของพวกเธอทั้งสามคน
3. ความสนุก เกินคาดคิดเหมือนกันว่าหนังทำให้เราเพลินกับเนื้อเรื่องจนลืมเวลาสองชั่วโมงไปเลย มีอารมณ์ขันและสามารถสลับจังหวะเคร่งเครียดกับผ่อนคลายได้อย่างพอเหมาะพอดี

เราเรียนรู้อะไรจากหนัง

เชื่อว่าทุกคนต้องเจออุปสรรคในทางใดทางหนึ่ง แต่วิธีรับมือกับอุปสรรคของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนดีแต่บ่นแล้วไม่ลงมือทำอะไรให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับบางคนยอมอดทนต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคที่แม้บางครั้งจะเป็นขวากหนามที่เกิดจากอคติก็ตาม และเราเชื่อเสมอว่าการลงมือทำแม้จะยากลำบากแค่ไหน ยังไงมันก็ย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนัง
ไม่ทันสังเกตเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าหนังตั้งใจใช้สีเพื่อกำหนดสภาพอารมณ์ของสถานการณ์ เช่น การใช้สีโทนร้อนในออฟฟิศของ ‘แฮร์ริสัน’ (Kevin Costner) หัวหน้าของแคทเธอรีน ซึ่งอยู่ในสถานการณ์เคร่งเครียดตลอดเวลา และเมื่อการคำนวนประสบความสำเร็จ จะเลือกใช้สีโทนเย็น เช่น ขาว เทา เงิน ที่จะเริ่มเห็นได้ชัดมากขึ้นรีวิวหนังใหม่ชนโรง

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *