รีวิว Carter

รีวิว Carter

รีวิว Carter

Carter หนังเกาหลีแอ็กชั่น สุดเดือดของ Netflix Carter เป็นภาพยนตร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ชายคนหนึ่ง ที่ตื่นมาพร้อม กับความทรงจำ ที่ว่างเปล่า และ จำไม่ได้ว่า ตัวเองเป็นใคร และ เขาถูกเรียกว่า ‘ คาร์เตอร์ ’ และ มีเสียงปริศนา สั่งการให้เขาทำภารกิจ ให้ช่วยพาเด็กคนหนึ่ง ซึ่งมีแอนติบอดี้ ที่สามารถนำมาทำวัคซีน รักษาโรคหนี ขณะที่ตัวเขา ถูกตามไล่ล่าตัว ซึ่งในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ จูวอน ได้เล่าเบื้องหลัง ตั้งแต่การมา รับบท ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ตลอดจนการถ่ายทอด การแสดงฉากแอคชั่น ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ ของเรื่อง  ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี  

รีวิว Carter เรื่องย่อ 

รีวิว Carter
Carter เล่าเรื่องราว 2 เดือนให้ หลังจากเกิดโรคระบาดร้ายแรง จากเชื้อดีเอ็มซีที่แพร่ไปทั่ว สหรัฐอเมริกา และ เกาหลีเหนือ ” คาร์เตอร์ ” ฟื้นขึ้นมาโดยจำเรื่องราว ในอดีตไม่ได้เลย ศีรษะของเขา มีอุปกรณ์แปลกปลอม ฝังอยู่ ส่วนในปากก็มีระเบิด อานุภาพร้ายแรง เขาต้องคอย ทำตามคำสั่งของเสียงปริศนาในหู ระเบิดอาจจะทำงานได้ทุกเมื่อถ้าเขาไม่สามารถช่วยเหลือเด็กผู้หญิงผู้เป็นหนทางเดียวในการผลิตยารักษาไวรัสได้ รีวิวหนังใหม่ชนโรง
แต่ทั้งซีไอเอ และ กลุ่มที่จะทำรัฐประหาร ในเกาหลีเหนือ ต่างไล่ตามเขามาติด ๆ คาร์เตอร์ต้องปฏิบัติภารกิจ ให้สำเร็จ และ มุ่งหน้าไปทางเหนือ เพื่อตามหา เด็กผู้หญิงคนนี้ การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต รอดของเขา จะถ่ายทอด ออกมาในภาพยนตร์แอ็คชัน ที่ดำเนินเรื่อง ต่อเนื่อง เป็นฉากเดียวนี้
รีวิว Carter
แต่น่าเสียดาย เหลือเกิน ที่ความพยายาม จะเติมแต่ง ความบู๊บ้า ดีเดือดของเกาหลี ในครั้งนี้ ต้องเผชิญหน้า กับความล้มเหลว เพราะพยายามมากเกิน ไปสักหน่อย Carter จึงกลายเป็นหนังแอคชั่น ที่แทบจะหาจุดจับใจ ความสำคัญ อะไรแทบไม่ได้เลย นอกจากมุมกล้องวน ๆ เวียน ๆ หมุน ๆ ชวนเวียนหัว และให้ตายเถอะ…ที่ผู้ชมจะต้องทรมานกับสิ่งนี้ไปยาวนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

สรุปหลังดู 

 

รีวิว Carter

หนังเรื่องนี้ มีเป้าหมาย แน่วแน่ เลยว่าต้องเล่าเรื่อง ด้วยแอ็กชั่น สุดเดือด ทั้งเรื่องจึงเต็ม ไปด้วยฉากแอ็กชั่น กระหน่ำติด ๆ กันเป็นพายุ ยิ่งกว่าจอห์นวิค ซะอีก ( หลายเท่าด้วย ) อย่างเปิดมาก็เป็นฉาก กึ่งลองเทคที่พระเอก ต้องสู้กับแก๊งนักเลง มากมาย ที่ดาหน้าเข้ามา แบบนับไม่ถ้วน ชวนให้คิดถึง ฉากนีโอเจอ สมิธรุม เป็นร้อย ในเมทริกซ์ แบบนั้นเลย นอกจากนั้นก็มี ฉากขับรถ ไล่ล่าระเบิดเถิดเทิงอยู่เรื่อย ๆ หรือฉากแนวสายลับ บุกเข้าไปถล่มรังผู้ร้ายคนเดียวก็มี บางทีพระเอกก็แทบจะบินได้ไปเลย ความเว่อร์นี่บอกเลยเกินจอห์นวิค ไปไกลมาก พระเอกแทบไม่โดนยิงหรือ แมงเลยมีแค่แผล ถลอกเท่านั้น แต่ตัวเองทั้งฆ่ายิง เสียบสารพัดคนตายไปเผลอ ๆ จะถึงพันด้วยในเรื่องนี้ เพราะนับ ไม่นับถ้วนจริงๆ ซึ่งแน่นอน ว่าการขายความมันส์ จากฉากแอ็กชั่นกันตรง ๆ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้าง แมส และ ถูกใจคนดูทั่วไป แน่นอน ตัวหนังตอบโจทย์ คนดูสายนี้ได้แน่นอน
แต่ก็ต้องบอก ว่าการที่หนังอัดแอ็กชั่น โม้แตกรัว ๆ ได้ขนาดนี้ก็เพราะฉาก ทั้งหลายส่วนมาก เป็นการผสม CG เข้ามาจำนวนมาก ไม่ใช่ฉากบู๊สด แบบลองเทค แล้วตัวหนัง ก็ไม่ได้จะทำได้เนียนอะไรด้วย เรียกว่าดูออกตั้งแต่ฉากแรก ๆ อาจจะไม่ดูแย่ แต่คนดูออกว่า ปลอมแน่นอน โดยไม่ต้องจับผิดอะไรเลย เพราะหลายฉากมัน ออกแนวโม้เกินความเป็นไปได้ จนชวนขำเสียด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง ลูกกระจ๊อก ที่พระเอกอัดตกตึก โดนรถชนกลับ กระเด็นเด้ง ลอยขึ้น มาบนตึกให้พระเอก โดดลงไปเหยียบรอง เป็นเบาะลงพื้นนิ่มๆ อะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ทางผู้กำกับ คิดมาได้ไง หลายฉาก มันโม้แบบแทบจะเป็นฉากในการ์ตูนขำๆ ไปแล้ว ซึ่งถ้าใครไม่ติดใจอะไรก็ขำๆ ตามได้ แต่ถ้าคนดูซีเรียสนี่คงเครียดพอดูกับฉากอะไรแบบที่ว่าเหมือนกัน
รีวิวCarter
และเหมือนแค่อัดแอ็กชั่นโม้แตกมารัวๆ ไม่พอ ผู้กำกับยังพยายามใช้มุมกล้องแบบแฮนเฮลด์สั่นๆ แนวเกม FPS เข้ามาด้วยทั้งเรื่องแทบไม่หยุดพัก รวมถึงการใช้มุมกล้องหมุนวนไปทั่วเหมือนกล้องติดโดรน แต่จริงๆ เป็นภาพมุมกล้องจาก CG ซึ่งแรกๆ อาจจะรู้สึกเท่ แต่พอทั้งเรื่องยัดมาแต่แบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ฉากขับรถธรรมดาก็ยังต้องวนกล้องรอบรถตอนวิ่ง มันเลยกลายเป็นหนังที่ชวนเวียนหัวเอามาก ใครที่แพ้มุมกล้องแบบนี้นี่เตรียมยาแก้ปวดหัวไว้ได้เลยครับ
นอกจากแอ็กชั่นแนวสายลับความจำเสื่อมถูกไล่ล่า ตัวเรื่องยังพยายามทำตัวเป็นหนังซอมบี้กลายๆ มาด้วย โดยการให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่ทำให้คนติดมีสภาพคลุ้มคลั่งเหมือนซอมบี้ ซึ่งตัวเรื่องครึ่งหลังนี่แทบจะเปลี่ยนแนวจาก CIA ไล่ล่ากลายมาเป็นหนังซอมบี้เกือบเต็มตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งการยัดมาครั้งนี้ก็มีบทรองรับ อาจจะไม่ดูแย่หรือน่าเกลียด แต่ก็รู้สึกแปลกๆ กับการที่เรื่องพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นแบบนี้ แล้วก็ยังมีความพยายามต่อพล็อตไปภาค 2 แบบชัดเจนด้วยการทิ้งเรื่องค้างไว้ แล้วเผลอๆ ก็จะกลายเป็นหนังซอมบี้เต็มตัวในอนาคตได้อีกต่างหากครับ
รีวิวCarter
ส่วนตัวเรื่องการเป็นสายลับความจำเสื่อม แล้วถูกคนในหูชักใยพร้อมทั้งมีตัวละครอื่นหลอกใช้พระเอกกลับไปกลับมาก็เป็นอะไรที่เข้าท่าดี มีความเป็นไซไฟล้ำๆ ติดมาหน่อยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือตัวเรื่องเล่นกลับไปกลับมาจนงงคนดูงงเองว่าตอนนี้พระเอกอยู่ข้างไหน แล้วเรื่องจริงๆ เป็นไงกันแน่เพราะตัวเรื่องหมดเวลาไปกับการอัดแอ็กชั่นซะ 70-80% ทำให้เหลือเวลาเล่าเรื่องไม่มากในแต่ละช่วง เผลอนิดเดียวตามเรื่องไม่ทันเอาง่ายๆ เป็นอะไรที่ชวนปวดหัวอีกอย่างของเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ
ตัวนักแสดงในเรื่องวางบทให้มีทั้งอเมริกัน เกาหลีเหนือ ใต้ ผสมปนเปกันมั่วไป ซึ่งทางนักแสดงฝรั่งก็ยังดูปลอม ๆ เหมือนดาราเกรดบีตัวประกอบ เล่นได้ไม่เหมือนเป็น CIA อะไรเลย แต่ก็เข้าใจได้เพราะหนังเกาหลีส่วนใหญ่เวลาใช้ฝรั่งก็มักจะเป็นแบบนี้หมด แต่ดาราทางเกาหลีนี่โอเค มีไม่บ่อยนักที่เรื่องวางให้เกาหลีเหนือเป็นตัวหลัก แกนหลัก ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งพระเอกก็เล่นได้ผ่าน หน้าตาหล่อเหลาน่าเอาใจช่วยจากคนดูสาวๆ ได้แน่นอน
รีวิวCarter
สรุปแล้ว Carter – คาร์เตอร์ เป็นผลงานที่ดุเดือด เลือดสาด โอเวอร์แอ็คชั่น เน้นเอามันส์ โปรดักชั่นมโหฬาร งานภาพสุดเหวี่ยง ส่ายยับแทบตลอดทั้งเรื่อง ดูเท่ แต่ก็ชวนคลื่นไส้ไม่เบา ส่วนพล็อตเรื่องค่อนข้างกลวง พางง ผูกปมแล้วปล่อยผ่าน ขอยกให้ จูวอน คือเดอะเบสต์ แบกคนเดียวทั้งเรื่องแทบหลังหัก สำหรับคนที่ชอบเสพงานบู๊หนัก ๆ แอ็คชั่นมันส์ ๆ ไม่ซีเรียสกับพล็อตเรื่องมากนัก ไม่หวั่นกับงานภาพสั่น ๆ และไม่แขยงในความดิบเลือดสาดแบบอันเซนเซอร์ ขอแนะนำว่านี่คือผลงานอีกหนึ่งชิ้นที่คุณไม่ควรพลาด สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ทั้งแบบพากย์ไทยและซับไทย
จุดเด่น
แอ็กชั่นโม้ระเบิดอัดมาถี่ยิบต่อเนื่องร่วมกับ CG ทั้งเรื่อง
ครึ่งหลังเป็นหนังซอมบี้
พระเอกหล่อดิบ
ผสมแนวไซไฟเข้ามานิดๆ
มีฉากโหดดิบกับเปลือยติดเรตเยอะ
มีพากย์ไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *