รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

 

 

ภาพยนตร์ Outside the Wire สมรภูมินอกลวดหนาม เป็นเรื่องราวของฮาร์ป นักบินโดรนกองทัพสหรัฐที่ขัดคำสั่งเจ้านาย ทำให้ทหารในสมรภูมิต้องเสียชีวิต เขาถูกส่งไปทำงานกับผู้กองลีโอ ผู้ซึ่งฮาร์ปรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาน้อยมาก แต่รู้แค่ว่าผู้บังคับการในกองทัพบางคนไม่ชอบเขา ฮาร์พถึงกับตะลึงเมื่อรู้ภายหลังว่าลีโอไม่ใช่คน

แต่เป็นแอนดรอยด์ที่เหมือนคนมากจนเขาบอกความแตกต่างไม่ได้ และการมีอยู่ของลีโอก็เป็นความลับ ทั้งสองปฏิบัติการในชายแดนรัสเซีย ยูเครน เพื่อชิงรหัสยิงขีปนาวุธจากผู้ก่อการร้ายยูเครนสุดโหด วิคเตอร์ โควาล ด้วยความช่วยเหลือจากสายข่าวที่พวกเขาต้องซื้อใจ  แต่แล้ว ฮาร์พก็ได้มารู้ภายหลังว่าลีโอมีแผนการบางอย่างที่น่ากลัวมาก

 

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

 

เคมีนักแสดงที่เข้ากัน และบทพูดชวนคิด

ครึ่งแรกของหนัง ภาพยนตร์ Outside the Wire ดำเนินไปอย่างลื่นไหล และมีมุมมองคล้ายเกมอยู่บ้าง ผู้ชมจะรู้สึกว่าเรากำลังควบคุมตัวละครในเกมที่เดินไปคุยกับ NPC เพื่อทำภารกิจบางอย่างทางการทหารที่เป็นความลับ  เคมีของนักแสดงทั้งสอง คือ แอนโธนี แม็คกี (เจ้าของบทฟอลคอน ในแฟรนไชส์กัปตันอเมริกา และหนังมาร์เวลเรื่องอื่น) และแดมสัน ไอดริส เข้าขากันได้อย่างดี  มีฉากปะทะฝีปากอยู่บ้างประปราย ดูหนัง

ซึ่งจากที่กล่าวมานี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความสมจริงในการแสดงอารมณ์ของแอนดรอยด์อย่างลีโอ ซึ่งทำให้ฮาร์ปสับสนอยู่บ้างเหมือนกันว่าเขาควรเชื่อใจเพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่มนุษย์นี้หรือไม่ บทพูดบางตอนแฝงแนวคิดปรัชญาให้เราครุ่นคิดว่า แอนดรอยด์สามารถมีความรู้สึกและการตัดสินใจเหมือนมนุษย์ได้หรือไม่ และถ้าแอนดรอยด์ตัดสินใจผิด ใครจะต้องรับผิดชอบ

 

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

 

พล็อตหักเหลี่ยมเฉือนคม

ในครึ่งหลังของหนัง เราจะต้องเอาใจช่วยฮาร์ปในการเอาชนะแผนการของคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าเขาทุกอย่าง ทั้งด้านไหวพริบและพละกำลัง จนทำให้หนังเข้าสู่โหมดภารกิจอย่างสมบูรณ์ อันที่จริงก็มีความไม่สมจริงอยู่บ้าง เพราะดูเหมือนว่าฮาร์ปจะด้อยกว่าลีโอในทุก ๆ ด้าน แต่หนังก็ทำให้เขามีตัวช่วยด้วยการโยนผู้บังคับการและเพื่อนนักบินโดรนเข้ามา ทำให้ฮาร์ปพอจะมีแววสูสีกับลีโอได้บ้าง

นอกจากนั้นแล้ว หนัง ภาพยนตร์ Outside the Wire ยังแฝงความเป็นการเมืองอยู่ในตัว ทั้งเรื่องสีผิว เชื้อชาติ (ตัวละครเอกทั้งสองเป็นคนผิวดำ) และตั้งคำถามกับความเป็นพี่ใหญ่ของอเมริกา ที่แผ่อิทธิพลออกไปทั่วโลก ทั้งในด้านวัฒนธรรมและการทหาร จนดูเหมือนว่า อเมริกาไม่เคยแคร์เลยว่าตนเองจะทำความเสียหายข้างเคียงจากสงครามมากเพียงใด มีคนนับแสนทรมานจากสงครามที่อเมริกาก่อในนามของความสงบเรียบร้อย ซึ่งหนังก็ชวนให้คิดจากมุมมองของลีโอ จนเราอาจจะรู้สึกร่วมกับเขาได้อยู่เหมือนกัน กล่าวได้ว่า หนังไม่ได้ทำให้มีคนดีหรือคนร้ายแบบขาวกับดำอย่างที่หนังแอ็คชันทั่ว ๆ ไปมักทำกัน

 

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

หนังที่ครบเครื่องเรื่องคิวบู๊และพล็อตอันซับซ้อน

อาจกล่าวได้ว่าหนัง ภาพยนตร์ Outside the Wire สมรภูมินอกลวดหนาม เป็นหนังที่ครบเครื่องและกลมกล่อมเรื่องหนึ่ง เราสามารถดูหนังเพื่อความมันส์จากบทบู๊ที่ลื่นไหล โดยเฉพาะคิวบู๊ของลีโอซึ่งเป็นแอนดรอยด์และมีการคำนวณการต่อสู้ต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด ส่วนในแง่ของพล็อต ก็มีความซับซ้อนและทำให้ผู้ชมคิดตาม อีกทั้งยังมีประเด็นลึกๆหลายเรื่องที่สามารถเก็บไปคิดต่อได้หลังหนังจบ เรียกได้ว่าไม่เสียชื่อทีติดในลิสต์หนังยอดนิยม Netflix 10 อันดับแรกในไทยช่วงนี้

เรื่องย่อ: ฮาร์ป อดีตทหารบังคับโดรนสังหาร ตัดสินใจขัดคำสั่งยิงจรวดช่วยหน่วยรบ 38 นายที่อยู่กลางดงศัตรูโดยทำการสละชีวิตทหาร 2 นายไปพร้อมกับทหารฝั่งศัตรู และทำให้เขาถูกสั่งย้ายไปร่วมภารกิจกับ ผู้กองลีโอ ทหารสุดแปลกที่ไม่มีใครเอา ผู้จะลากฮาร์ปไปกลางสมรภูมิด้วยภารกิจชวนฉงน และการเปิดเผยตัวตนว่าเขาเองเป็นแอนดรอยด์ไม่ใช่คน ซึ่งฮาร์ปจะถูกบังคับให้เลือกทางแยกที่ยากลำบากตลอดการเดินทางครั้งนี้

 

รีวิว สมรภูมินอกลวดหนาม

 

เป็นหนังเน็ตฟลิกซ์ที่ทรงมาทางแอ็กชันไซไฟจ๋า แต่ความน่าสนใจคงเป็นการกลับมารับบท ซูเปอร์ฮิวแมน ของ แอนโธนี แมกคี ที่ติดตาแฟน ๆ มาจากบท แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน จากหนังมาร์เวล งานนี้จึงต้องมาลุ้นกันว่าถ้าไม่ใช่หนังตระกูลมาร์เวลแล้วเขาจะยังรับบทแนวซูเปอร์ฮีโรรอดหรือไม่ เพราะกับบทบาทแนวไซบอร์กจากซีรีส์ Altered Carbon ซีซัน 2 ทางเน็ตฟลิกซ์ของเขา เรียกว่าล้มเหลวในด้านเสน่ห์ความน่าติดตามพอสมควรเลย

ส่วนด้านทีมงานเบื้องหลังงานสร้างก็ได้ผู้กำกับ มิคาเอล ฮาฟสตรอม จากสวีเดนที่เคยมีผลงานพอสร้างชื่ออย่างหนังสยองขวัญทั้ง 1408 (2007) และ The Rite (2011) โดยในแนวแอ็กชันก็มีผลงานที่น่าจดจำคือ Escape Plan (2013) ที่ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ปะทะ อาร์โนลด์ ชวาร์ซเน็กเกอร์ ดูจากผลงานถือว่าเชื่อมือการเล่าเรื่องได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ แต่จะหวังบู๊ล้างผลาญเลยน่าจะยากนิดหนึ่ง

ซึ่งก็เป็นดังนั้น เพราะเมื่อประจวบเหมาะกับการได้มือเขียนบทอย่าง ร็อบ เยสคอมบ์ ที่เคยผ่านงานเขียนบทให้เกมเนื้อเรื่องน้ำดีอย่าง The Division ที่ผสมแอ็กชัน โรคระบาดกับการเมืองได้เข้มข้นมาเขียนบทด้วยแล้ว ก็ยิ่งส่งเสริมกันดีในทางบทชวนคิดมากกว่าชวนลุ้นระทึกนันสต็อปแน่นอน

จริง ๆ การที่ร็อบได้จับมือกับ โรแวน เอเธล ที่มีผลงานแนวแอ็กชันไซไฟเกรดบีมาร่วมเขียนบท และ พิจารณาจากที่ร็อบเคยเขียน บทเกมไซไฟเอามันอย่าง Crysis มาแล้ว มันก็มีทั้งทางเลือกแบบเกรดบีเอามันไม่สนใจโครงเรื่องแบบเอาตัวรอดง่าย ๆ ไปเลยได้เช่นกัน แต่เมื่อหนังมันออกมาทางที่ไซไฟปรัชญาที่ท้าทายตัวเองของทั้งคู่แทน เราก็ชื่นชมในความกล้าตรงนี้เช่นกัน

 

 

หนังเล่าเรื่องของทหารอ่อนประสบการณ์ในสนามรบจริงอย่าง ฮาร์ป (แดมสัน ไอดริส) ที่ตัดสินใจฆ่าคนผ่านจอ และ ปุ่มคอนโทรลในมือไม่ต่างจากการเล่นเกม ทำให้เขาตัดสินใจสละชีวิตทหารฝั่ง ตัวเองเพื่อผลลัพธ์ได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร การโดนลงโทษให้ไปร่วมภารกิจกับ ผู้กองลีโอ (แมกคี) ทหารสุดเก๋าก็ราวกับจะให้อารมณ์หนังสไตล์คู่หูชัดเจน

ทว่าเมื่อ ฮาร์ปถามลีโอว่า นี่มันเหมือนเราเป็นคู่หูกันเลย? เขาก็โดนลีโอตะคอกหงายตึงว่า ไม่ แกเป็นลูกน้องฉัน เท่านั้น ทำให้ผู้ชมเริ่มต้องปรับตัวนิด ๆ ว่า นี่ไม่ใช่งานดูเพลิน ๆ เอามันแบบ Bad Boys แน่นอนแล้วล่ะ

ความยากลำบากในการดูหนังเรื่องนี้มาจากตรงนี้เอง เราต้องจับสัญญาณระหว่างบทสนทนาของ 2 คู่หู ที่ผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปตลอดเรื่อง โดยความปวดขมองคือ ตัวละครแอนดรอยด์อย่างผู้กองลีโอ มีพฤติกรรมที่ชวนสับสนต่อกฎ 3 ข้อของจักรกลที่มักสำคัญในหนังแนวไซไฟหุ่นยนต์ทุกเรื่อง ซึ่งเราไม่รู้ได้เลยว่า ฮาร์ป หรือตัวแทนผู้ชม ควรตอบรับกับการสอนหรือการหลอกใช้ของ ลีโออย่างไร

 

 

นอกจากนั้นสถานการณ์ทางการเมืองแถบบอลข่านที่เป็นฉากหลักของเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเผด็จการทหาร กลุ่มกบฏ ชาวบ้านยูเครน รัฐบาลรัสเซีย และรัฐบาลสหรัฐ ที่คลุ้งอยู่เป็นฉากหลังทั้งเรื่องนั้น ก็แอบต้องคิดตามอยู่ไม่น้อยพอแล้ว

เมื่อทุกองค์ประกอบทั้งการเมืองหลายฝักฝ่าย ปรัชญาเรื่องสงคราม ความเป็นมนุษย์ที่แย้งกับหน้าที่ทหาร ปรัชญาไซไฟเกี่ยวกับกฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์ อารมณ์ที่ขัดแย้งกับเหตุผล ถูกเอามาเสนอผสมกันมันจึงกลายเป็น โกโก้ครันช์ รสรวม ๆ ที่ถ้าไม่ถูกปาก ก็เทชามคว่ำทิ้งถังได้เลย

 

 สมรภูมินอกลวดหนาม

สำหรับส่วนตัวมองว่าจุดแข็งของเรื่องก็อยู่ตรงเนื้อหาที่ว่ามานี่ล่ะ แต่ด้วยการเล่าให้ขมวดอยู่ในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ถือว่ามากอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเกลี่ยทุกอย่างให้กลมกล่อม จึงกลายเป็นปัญหาที่ผู้ชมต้องคิดตามหนัก ๆ และมองข้ามรูรั่วของความสมจริงต่าง ๆ ไป เช่นเรื่องทำไมให้แอนดรอยด์มาเป็นระดับผู้บังคับบัญชามนุษย์ได้? ถึงจะเพื่อเอามาสร้างปัญหาย้อนแย้งว่าใครสั่งใครในเรื่อง แต่โดยหลักการมันก็ไม่ควรต้องมีปัญหานี้แต่แรกแล้วไหมในทางปฏิบัติจริง

 

 

เมื่อมองรวมไปถึงโพรดักชัน ที่อยู่ในระดับซีจีหนังเกรดบีฮอลลีวูด และการเล่าฉากบู๊ที่ไม่ค่อยสะใจนัก กึ่ม ๆ จะดีแต่ก็ต้องแบกด้านปรัชญาดราม่าด้วย เลยกลายเป็นฉากบู๊ทื่อลง จึงน่าจะพูดแทนผู้ชมส่วนใหญ่ได้เลยว่า น่าจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้เท่าใดนัก อาจอยู่ในเกณฑ์พอดูได้ แต่ไม่ดูจะทรมานน้อยกว่า แต่ถ้าคุณชอบแนวปรัชญาไซไฟสงคราม ตั้งคำถามต่าง ๆ ก็ดูเถอะ หนังก็อยุ่ในกลุ่มกลาง ๆ ไม่ได้แย่เช่นกันสำหรับแนวนี้

โลกอนาคตคงหนีไม่พ้นที่มนุษย์จะต้องอยู่ร่วมกับเอไอเป็นแน่ เราเริ่มพัฒนาหุ่นยนต์กันไปประมาณหนึ่งแล้ว พวกมันเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วในหลายหลายสถานการณ์ แต่เรายังไม่ได้ทำให้มันคิดเองได้ในระดับที่ซับซ้อนมากนัก แต่ภาพยนตร์ไซไฟมักจะพาเราไปสู่อนาคตเสมอ ถ้ามีหนังอีกเรื่องที่เล่าเรื่องการทหารที่ใช้หุ่นยนต์ จักรกล เอไอ ร่วมไปในปฏิบัติการ หนังเรื่องนี้ก็คงจัดอยู่ในกลุ่มนั้นได้ Outside the Wire หรือชื่อไทย สมรภูมินอกลวดหนาม ที่มีให้ชมกันแล้วทางเน็ตฟลิกซ์

 

 

เรื่องราวที่เล่าเหตุการณ์ในอนาคตที่ปฏิบัติการทางทหารเจริญรุดหน้าจดถึงขั้นมีการใช้หุ่นยนต์ชนิดต่างๆ ร่วมกับมนุษย์แล้ว หุ่นกั๊มป์ชนิดนต่างๆ มีใช้กันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ

ผลงานจากผู้กำกับสวีดิชอย่าง คาเอล ฮาฟสตรอม (ผู้กำกับหนัง Escape Plan, The Rite และ ครั้งนี้เขาหันมาหาหนังสไตล์ไซไฟแอคชันที่เล่าเรื่องอนาคตบ้าง กับสตูดิโอที่สร้างหนังให้กับเน็ตฟลิกซ์มาปังๆ อย่าง

 

 

หนังเล่าเรื่องตามลำดับเวลา ไล่จากเหตุไปหาผล การขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ทำให้ทหารบังคับโดรนสังหารต้องถูกเด้งไปทำงานอันตรายที่เขาไม่เคยได้รู้มาก่อนว่า คนที่เขาต้องทำงานด้วยนั้นเป็นหุ่นแอนดรอยด์ แถมยังเป็นหุ่นที่ดูภายนอกไม่รู้เลยว่าเป็นแอนดรอยด์ แถมดีไซน์ของเขาก็ดูล้ำเสียจน รีวิวหนัง

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *