รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3 เรื่องราว

 

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3   นับจากปี 2019 เน็ตฟลิกซ์เชิญชวนผู้รักในแอนิเมชันได้เปิดประตูแห่งการทดลองครั้งสำคัญ ด้วยโปรเจกต์รวมดาวที่ท้าทายทั้งการนำเสนอเนื้อหาและเทคนิคที่ก้าวล้ำ ทั้งอินดี้ อาร์ต ฉูดฉาด พาสเทล ดำมืด ผสมผสานลูกเล่นที่คาดไม่ถึง ไปจนซีจีที่สมจริงจนแยกไม่ออก ภายใต้ธีมหลักว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง กลไก หัวใจ ดับสูญ หรือ Love Death และ Robots ที่เปิดช่องให้ทั้งไซไฟ ดราม่า จนถึงปรัชญากันเลยทีเดียดูหนัง,

ในซีซันแรกเราอาจได้ว่าคือการปักหมุดยุคใหม่ของแอนิเมชันตะวันตกที่ทะลุกรอบเดิม ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง และทำให้เห็นความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดในการนำเสนอจากเรื่องดาวเด่นทั้ง ‘The Witness’ หรือ ‘Ice Age’ ที่เรื่องหลัง ทิม มิลเลอร์ (Tim Miller) จากหนัง ‘Deadpool’

ซึ่งรับบทโปรดิวเซอร์หลักของซีรีส์นี้ลงมากำกับเอง

และในซีซัน 2 มันคือการขยายพื้นที่สู่ความตระหนักทางปัญญาแบบอื่น ๆ ที่อาจย่อยยากขึ้นสักนิด กับงานอย่าง ‘The Drowned Giant’ ที่มีความเป็นปรัชญา กวีและเสียดสีด้วยการนำเสนอภาพที่ชวนอึ้งดูหนังออนไลน์

ในซีซันที่ 3 นี้ เหมือนว่าทีมสร้างจับได้ว่า ซีซันที่ 2 มีจุดพร่องอยู่ในเรื่องการเลือกเรื่องมานำเสนอในจำนวนที่พอต้องจำกัดจำนวนจะหว่านแหไม่ได้เยอะเท่าซีซันแรก ซึ่งบังเอิญเรื่องที่เลือกมาก็ย่อยยากไปสักนิดหรือเอื่อยมากไปสักหน่อย

มาซีซันนี้เลยเอาความรู้สึกของการเดินชมนิทรรศการศิลปะแนวทดลองที่กลืนง่ายขึ้น ตื่นตาได้มาก และเร้าโสตประสาทคนดูแบบไม่ยั้งอย่างในซีซันแรกกลับมา และหลายเรื่องก็ทำให้นึกถึงหรือจะบอกว่าเป็นทายาทจากในซีซันแรกก็ว่าได้เหมือนกัน
ในซีซันที่ 3 นี้ เหมือนว่าทีมสร้างจับได้ว่า ซีซันที่ 2 มีจุดพร่องอยู่ในเรื่องการเลือกเรื่องมานำเสนอในจำนวนที่พอต้องจำกัดจำนวนจะหว่านแหไม่ได้เยอะเท่าซีซันแรก ซึ่งบังเอิญเรื่องที่เลือกมาก็ย่อยยากไปสักนิดหรือเอื่อยมากไปสักหน่อย หนังน่าดู

มาซีซันนี้เลยเอาความรู้สึกของการเดินชมนิทรรศการศิลปะแนวทดลองที่กลืนง่ายขึ้น

ตื่นตาได้มาก และเร้าโสตประสาทคนดูแบบไม่ยั้งอย่างในซีซันแรกกลับมา และหลายเรื่องก็ทำให้นึกถึงหรือจะบอกว่าเป็นทายาทจากในซีซันแรกก็ว่าได้เหมือนกัน
ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เรื่องที่ต้องแนะนำให้ดูในซีซันนี้บางเรื่องจะมีชื่อคุ้นหูคุ้นตาผู้กำกับมาจากซีซันแรกด้วย อย่าง ผู้กำกับ อัลเบอร์โต มิเอลโก (Alberto Mielgo) ในเรื่อง ‘Jibaro’ ซึ่งในซีซันแรกเขาเคยกำกับตอนที่ชื่อ ‘The Witness’

จนตราตรึงใจผู้ชมมาแล้ว โดยในตอนนี้ยังมีชื่อทีมงานคนไทยอย่างคุณวีรพงศ์ จังสมบัติศิริ ที่เคยมีผลงานใน ‘Avengers: Infinity War’ รวมถึงคุณณัชพัฒน์ แจ่มทักษา และคุณสาวิตรี สวนมิ ที่เคยมีผลงานใน ‘นาคี 2’ ร่วมในการสร้างด้วยน่าภูมิใจมาก ๆ

ดูหนัง,

 

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

 

สำหรับ ‘Jibaro’ ว่าด้วยเรื่องราวของกองทหารอัศวินยุคกลางที่ออกตามหาสมบัติจนมาพานพบกับปีศาจสาวเสียงมรณะแห่งลุ่มน้ำอย่าง ไซเรน ที่ยามใดเธอกรีดร้องออกมาชายทั้งหลายต้องบ้าคลั่งหลงใหลและยื้อแย่งวิ่งหาความตายสู่ใต่ก้นบึงทุกราย มีเพียงอัศวินหูหนวกที่รอดชีวิต ความประหลาดใจที่เสียงของเธอไม่ได้ผลทำให้เธอสนอกสนใจชายหนุ่มจนกลายเป็นความรัก
ด้วยเทคนิคการนำเสนอภาพแบบผสมผสานงาน 2 มิติบน 3 มิติ ที่สีสันฉูดฉาดมีรายละเอียดสูง การออกแบบโมชันของตัวละครที่ราวกับดูการแสดงร่ายรำของมืออาชีพที่ชวนพิศวง พอมาหลอมรวมกับเรื่องราวความรักต้องห้ามที่ไม่ต้องมีคำอธิบายก็เข้าใจได้ดูหนังออนไลน์

ทั้งยังมีแง่มุมนัยว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่ต่างคอยทำร้ายกันเข้าไปอีก ปฏิเสธได้ยากเลยว่าแอนิเมชันเรื่องนี้จึงคาบเกี่ยวระหว่างความบันเทิงที่น่าจดจำกับงานศิลปะชั้นดีที่ประเทืองปัญญายากจะลืมเลือน ยิ่งฉากถอดเครื่องประดับไซเรนนี่บาดหัวใจมากจริง ๆ

นอกจากนี้งานที่อาจต้องแนะนำอีกเรื่องเป็นดาวเด่นของซีซันนี้คือ ‘Bad Travelling’ ที่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งนับตั้งแต่หนัง ‘Se7en’ (1995) ของมือเขียนบทแนวฟิล์มนัวร์ แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ (Andrew Kevin Walker) กับผู้กำกับขวัญใจคอหนัง เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ซึ่งอำนวยการผลิตซีรีส์นี้มาตั้งแต่ซีซันแรกแล้วคงเกิดคันมืออยากลงสนามเองบ้าง
แล้วผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกว่าส่วนตัวชอบมากกับบทที่เล่นกับเล่ห์เหลี่ยมความคิดมนุษย์ที่ดำมืดอย่างแหลมคม ผ่านการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มลูกเรือที่ภูมิหลังต่างกันกับสัตว์ประหลาดยักษ์กินคนจากใต้สมุทร เข้ากันได้ดีกับงานภาพและการออกแบบที่ดูมืดมน

ที่สำคัญโหดแบบไม่ยั้งใจว่ามีเด็กเล็กเผลอมาดูกันเลย แต่กับเด็กหนวดนี่คงต้องบอกว่าสาแก่ใจยิ่งนัก บทเข้ม ๆ แบบนี้จะมากลัวความรุนแรงก็เสียดายของไปสักหน่อย

ไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองหรือไม่แต่ตลอดการรับชมซีซันที่ 3 นี้ รู้สึกกรอบจำกัดความรุนแรงด้านภาพมันแทบไม่มีเลย อาจเป็นซีซันที่โหดเอาเรื่องที่สุด ภาพอย่างชิ้นส่วนอวัยวะ เลือด เครื่องในกระจุยกระจายกลายเป็นอะไรที่ทำได้อย่างสามัญไปเลย ตรงนี้คงมีข้อถกเถียงกันได้หลายมิติ

แต่ส่วนตัวคือถ้าเนื้อหามันรองรับเหมาะสม ความรุนแรงนั้นก็ถือว่ามีความสมเหตุสมผลไม่ได้เป็นความยัดเยียดหรือเกินเลย อย่างไรก็ดีก็ต้องย้ำกับผู้รับชมที่เป็นเด็กเล็กว่าอาจจะยังไม่ถึงวัยต้องมามีภาพติดตาเหล่านี้ไปฝันร้ายเปล่า ๆ แต่ถ้าวัยวุฒิถึง แยกแยะได้ว่าเป็นศิลปะในความรุนแรงแล้วล่ะก็ แนะนำเลยรีวิวหนังใหม่ชนโรง

 

5 เหตุผลไม่ควรพลาด Love, Death and Robots หัวใจกลไกดับสูญ 3 อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจาก Netflix

 

รีวิวซีรีส์ Love Death & Robots Volume 3

1. Three Robots: Exit Strategies สามจักรกล
Three Robots: Exit Strategies สามจักรกล ผลงานของผู้กำกับ Patrick Osborn บอกเล่าเรื่องราวของหุ่นยนต์สามตัวที่ตะลอนสำรวจโลกหลังวันสิ้นโลกเพื่อศึกษาเป็นแนวทางการใช้ชีวิต เนื้อเรื่องเหมือนเอาเศษเสี้ยวของหนังวันสิ้นโลกหลาย ๆ เรื่องมารวม ๆ กันไว้ ก็น่าสนใจดี มีความตลกจากบทพูดเสียด

2. Bad Travelling เส้นทางมรสุม
Bad Travelling เส้นทางมรสุม ผลงานของผู้กำกับ David Fincher เรื่องราวของทอร์ริน กะลาสีเรือที่ถูกเพื่อนลูกเรือรวมตัวกันส่งเขาไปเผชิญหน้ากับธานาพอด อสูรร้ายจากใต้ทะเล เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามต่อ โทนเป็นดาร์ก ๆ เทา ๆ เลือดสาด เนื้อเรื่องมีความขัดแย้งในตัว เล่าเรื่องได้น่าสนใจ ให้คะแนน 7/10 ตอนนี้ยาว 21 นาที

3. The Very Pulse of the Machine ชีพจรของเครื่องจักร
The Very Pulse of the Machine ชีพจรของเครื่องจักร ผลงานของผู้กำกับEmily Dean

ขณะสำรวจดวงจันทร์เบอร์ตันกับ มาร์ธ่าต้องเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พวกเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอด ภาพเรื่องนี้เหมือนการ์ตูนที่เคยดูตอนเด็ก ๆ ใช้ CG สร้างตัวละคร แต่พื้นหลังเป็นภาพวาด เนื้อเรื่องไซไฟ โลกอนาคต ใครชอบแนวนี้น่าจะชอบ ให้คะแนน 6.5/10

4. Night of the Mini Dead ค่ำคืนแห่งความตาย
Night of the Mini Dead ค่ำคืนแห่งความตาย ผลงานของผู้กำกับRobert Bisi และ Andy Lyon เป็นเรื่องราวของคู่รักที่ไปพลอดรักกันในป่าช้าแล้วปลุกซอมบี้ขึ้นมา ใครเป็นแฟนแนวซอมบี้น่าจะชอบเรื่องนี้ ใส่คาแรกเตอร์และกิมมิคความเป็นซอมบี้เข้าไปเกือบครบ ดูเพลินดี ให้คะแนน 8/10 ตอนแรกดูนึกว่าใช้ Minifigure

5. Kill Team Kill ทีมสังหาร
Kill Team Kill ทีมสังหาร ผลงานของผู้กำกับ Jennifer Yuh Nelson ผู้กำกับชื่อดังจากผลงาน Kung Fu Panda 2 และ 3 แต่เรื่องนี้ฉีกโทนไม่ใช่หนังแฟมิลี่แต่อย่างใดเล่าเรื่องของหน่วยทหารพิเศษปฏิบัติภารกิจ ที่ออกสำรวจภัยคุกคามจนได้เจอกับศัตรูที่ไม่คาดคิด มีความเลือดสาดมากเรื่องนี้ ภาษาค่อนข้างหยาบโลนไม่โดน ให้คะแนน 6/10 ภาพเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นสมัยก่อน

6. Swarm สวอร์ม
Swarm สวอร์ม ผลงานของผู้กำกับ Tim Miller ผู้สร้างคนสำคัญของซีรีส์ Love, Death & Robots

บอกเล่าเรื่องราวของสองนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามไขความลับสิ่งมีชีวิตต่างดาวนื้อเรื่องไซไฟน่าสนใจ ทำดี เป็นอนิเมชั่นที่ดูเหมือนจริง การล่องลอยมีการใช้ Motion Capture เลิฟซีนมีความเรียล มูดแอนด์โทนมืด ๆ ดำ ๆ

7. Mason’s Rats หนูของเมสัน
Mason’s Rats หนูของเมสัน ผลงานของผู้กำกับ Jerome Chen และ Carlos Stevens เล่าเรื่องขอลุงเมสันเจ้าของฟาร์มที่อยากกำจัดหนูในโรงนา วิธีการจัดการหนูของลุงแก ล้ำสมัยเป็นโลกอนาคตจริง ๆ

8. In Vaulted Halls Entombed นรกปิดตาย
In Vaulted Halls Entombed นรกปิดตาย ผลงานของผู้กำกับ Jerome Chenบอกเล่าเรื่องราวของหน่วยทหารที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือตัวประกันในถ้ำ แต่กลับเจอเรื่องประหลาดจนต้องหนีเอาตัวรอด

9. Jibaro ฆีบาโร
Jibaro ฆีบาโร ผลงานของผู้กำกับ Alberto Mielgo ที่ได้รับรางวัลเอมมี่จากเรื่อง The Witness ในซีรีส์ Love, Death & Robots Season 1 บอกเล่าเรื่องราวของอัศวินหูหนวกกับนางไซเรนจอมยั่วในตำนาน ก่อเกิดเป็นความรัก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตาม เนื้อเรื่องมีเรียลใกล้เคียงชีวิตจริง ที่ในความรักของคนสองคนมักจะมีฝ่ายได้เปรียบและฝ่ายเสียเปรียบ เล่าได้สนุกน่าติดตาม ดูแล้วลุ้นว่าจะลงเอยอย่างไร

โปรดักชั่นพิถีพิถัน ภาพสวย น้ำไหล ใบไม้ไหว ม้าวิ่ง สุดยอดกราฟฟิก ฉากงดงาม CGI เทพ จนนึกว่าใช้คนแสดงจริง แต่ผู้กำกับก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ใช่นะ เป็นอนิเมชั่น 100% จ้า แต่ทำไมเต้นเหมือนจริงมาก

อันนั้นผู้กำกับเขาก็บอกว่าใช้การเลียนแบบท่าเต้นจากนักเต้นจริงแบบเทียบเฟรมช็อตต่อช็อต แบบไม่ใช้ Motion capture ด้วยนะ ? โอ้ว! แม่เจ้า สุดยอดความเสมือนจริง ให้คะแนน 10/10 ไปเลยจ้า

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *